ฮิมต๋ายฮิมยัง :  โก้งสุดท้าย : แชมป์ \ เอซีแอล \ ตกชั้น \ เลื่อนชั้น ?

เข้าสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนกันแล้ว ก็เพิ่งจะชุ่มฉ่ำกันมาจากเทศกาลสงกรานต์ที่ว่างเว้นจากความสนุกสนานมา 3 ปี ครั้งนี้จึงถือเป็นสงกรานต์ที่น่าจะสนุกมากที่สุดในรอบหลาย ๆ ปี

ก็มันอัดอั้นกันมาตั้งนานแล้ว ปีก่อนจะเล่นก็เล่นกันได้ไม่สุด แม้จะผ่อนคลายตึความกลัวยังมีมากกว่าจะเอาชีวิตไปเสี่ยง

เดือนเมษายนใกล้จะหมดแล้ว หมายความว่าอีกไม่กี่นัดฟุตบอลลีกในบ้านเราก็จะปิดฉากลงแล้ว

สถานการณ์ของลีกสูงสุด แชมป์เก่า บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ณ เวลานี้ ยังหาเหตุผลอะไรมาหยุดพวกเขาไม่ให้ชูถ้วยแชมป์ได้

คะแนนที่นำหน้า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 12 คะแนน กับ 4 นัดที่เหลือ ถ้าแพ้หมด แล้ว บียู ชนะหมด แต้มก็จะเท่ากัน ผลการเจอกันมา 2 นัด เป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะมาก่อน 1 – 0 แต่ก็มาแพ้ 3 – 4 ที่ทรูสเตเดียม นั่นทำให้คะแนนแบบเฮดทูเฮด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เหนือกว่า

เท่ากับว่าปิดโอกาสที่แชมป์เก่าจะร่วงมาเป็นอันดับ 2 ยกเว้นจะถูกตัดคะแนน หรือถูกข้อหาอื่นจนถึงขนาดริบแชมป์ ยุบทีม เท่านั้นครับ

แชมป์จึงไม่ต้องพูดถึง และเช่นเดียวกับรองแชมป์ที่นำหน้าอันดับ 3 อยู่ 10 คะแนน หมายความว่า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หากเก็บ 3 คะแนนได้แค่เพียงเกมเดียวหรือ อันดับ 3 – 4 พลาดท่าแพ้สัก 1 นัด อันดับ 2 หรือรองแชมป์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง

เงื่อนไขมีเท่านี้จริง ๆ ครับ แต่สิ่งที่น่าสนใจคืออันดับ 3 ครับ ก็ต้องย้อนไปถึงเรื่องโควตา เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ เอซีแอล ที่หากยังจำกันได้ว่ามีการเปลี่ยนระยะเวลาเริ่มต้นของฤดูกาล 2023 – 24 ทำให้โควต้าเดิมที่เราได้ 2+2 มาทุกฤดูกาล

แต่ปีนี้โควต้าเดิมยังคงอยู่ แต่กลายเป็นตัวหารที่ 2 ฤดูกาล คือ 2021 – 22 และ 2022 – 23 โดยที่ยังคงมีการฟ้องร้องไปที่ศาลกีฬาโลกจากทีมที่เสียประโยชน์

โควตาของฤดูกาล 2021 – 22 เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะได้ไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่จะไปเล่นรอบคัดเลือก

อย่างที่เรียนไปแล้วในตอนต้นว่า แชมป์กับรองแชมป์ปีนี้ น่าจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งคู่ยังเป็นคู่ชิง ช้าง เอฟเอ คัพ อีกด้วย นั่นเท่ากับว่า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็จะได้โควตาของฤดูกาล 2022 – 23 เป็นทีมแรก และเข้ารอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย

ทำให้โควตาที่เหลืออีก 1 ทีมนั้น ก็จะตกไปเป็นของทีมที่จบอันดับ 3 ในไทยลีก 1 อันมี การท่าเรือ เอฟซี อันดับ 3 ปัจจุบันด้วยคะแนน 45 คะแนน และอันดับ 4 ที่มี 44 คะแนน อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด

ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่อันดับ 3 แต่ยังมีสิทธิ์เข้ารอบ เอซีแอล รอบคัดเลือกเป็นโบนัสตบท้ายให้อีกด้วย และก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ทีมที่เสียประโยชน์จากการถูกตัดโควตาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่ บียู ได้สิทธิ์คืนไปแล้วแถมยังเป็นสิทธิ์รอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย

ก็คงจะเหลือแค่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมเดียวที่การทวงสิทิ์ยังอยู่ที่ศาลกีฬาโลก และการช่วงชิงจากการเป็นอันดับ 3 กับ การท่าเรือ เอฟซี

มาดูเส้นทางการไปสู่อันดับ 3 ของทั้งคู่ เริ่มที่ การท่าเรือ เอฟซี 4 นัดที่เหลือของพวกเขาจะเริ่มจากการไปเยือน นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี แล้วเลยต่อไปที่เยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านรับ ชลบุรี เอฟซี แล้วปิดฤดูกาลด้วยการไปเยือน ลำพูน วอริเออร์ สรุป เยือน 3 เหย้า 1

ส่วน เมืองทอง ยูไนเต็ด 4 นัดของพวกเขาเริ่มจากเปิดบ้านรับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ต่อเนื่องด้วยการรับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด จากนั้นออกไปเยือน ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และปิดฤดูกาลที่ธันเดอร์โดม รับมือ ราชบุรี เอฟซี สรุป เยือน 1 เหย้า 3

จะบอกว่าใครหนักไม่หนัก ด้วยสถานการณ์แบบนี้ เงื่อนไขของการท่าเรือ เอฟซี ง่ายมากครับ ชนะทุกนัดก็พอ ส่วน เมืองทอง ยูไนเต็ด ขั้นแรกชนะทุกนัดให้ได้ก่อน แล้วแช่งชักให้ทีมคู่รักคู่แค้นจากคลองเตย พลาด 3 คะแนนซัก 1 นัด

บทสรุปเมื่อปิดฤดูกาลจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาคอยติดตามกันไป เหลือแค่อีก 4 นัด หรือง่าย ๆ ก็เดือนเดียวเท่านั้นเอง

มาดูที่ท้ายตารางกันบ้าง ลำปาง เอฟซี อันดับสุดท้ายที่ 16 คะแนน หนองบัว พิชญ เอฟซี รองสุดท้ายที่ 17 คะแนน ส่วน ขอนแก่น ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 14  มี 26 คะแนน ส่วนอันดับ 13 ลำพูน วอริเออร์ 27 คะแนน

นั่นหมายความว่า ช่องว่าง 11 คะแนน และ 10 คะแนน ของ ลำปาง เอฟซี และ หนองบัว พิชญ เอฟซี จากโซนปลอดภัย พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์แพ้อีกแล้ว หากนัดหน้าพวกเขาไม่อาจเก็บ 3 คะแนนได้ 3 นัดที่เหลือก็จะเป็นการเล่นสั่งลาลีกสูงสุดทันที

หรือแม้แต่ถ้า ลำพูน วอริเออร์ เก็บ 3 คะแนนได้ พวกเขาก็จะตกชั้นทันทีเช่นกัน ถือเป็นการลุ้นหลายเฮือก นอกจากลมหายใจตัวเองที่ต้องพึ่งพาเป็นอย่างแรก ยังต้องหวังพึ่งลมหายใจคนอื่น เพื่อต่ออายุของตัวเอง

เรียกว่าเป็นสถานการณ์ “ฮิมต๋ายฮิมยัง” อย่างแท้จริงของทีมพี่ทีมน้องในช่วงบั้นปลายของฤดูกาล

ส่วน ลำพูน วอริเออร์ ในเกมหน้าที่ต้องออกไปเยือน ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่มีความอยู่รอดบนลีกสูงสุดเป็นเดิมพันเพราะ 6 แต้มที่จะเกิดนี้สำคัญมากต่อการอยู่รอดของทั้งคู่

ถ้า ลำพูน วอริเออร์ เกิดพลาดท่าพ่ายแพ้ขึ้นมา พวกเขาจะถูกถีบลงไปสู่พื้นที่สีแดง กลับกันถ้า ขอนแก่น ยูไนเต็ด พังพาบคารัง โอกาสที่จะตกชั้นจะเพิ่มสูงขึ้นมากทีเดียว

และผลเสมอก็ไม่ดีต่อทั้งคู่เช่นกัน เพราะช่องว่างเดิมที่ 1 – 2 แต้มจะอยู่เท่านี้หรือยืดออกไปก็เป็นได้ จึงไม่ใช่เรื่องดีหากจบลงด้วยการแบ่งกันคนละคะแนน

โซนนี้ก็สนุกไม่แพ้กับการแย่งชิงอันดับ 3 และโควตาถ้วยเอเชีย

ปิดท้ายที่ไทยลีก 2 ตราด เอฟซี จ่าฝูง ต้องการ 4 คะแนนเพื่อการันตีการเลื่อนชั้น เพราะอันดับ 3 อุทัยธานี เอฟซี ที่ตามหลัง 3 คะแนนนั้นมี เฮดทูเฮด ที่ดีกว่าทีมจ่าฝูง ดังนั้นการรักษาระยะห่างไว้จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หรือถ้าพวกเขาชนะ แล้ว อุทัยธานี พลาด 3 แต้ม พวกเขาจะเลื่อนชั้นทันที

ส่วน นครปฐม ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 ที่ตามหลัง 2 คะแนน ก็ยังคงต้องตั้งหน้าตั้งตาเก็บ 3 คะแนนให้ได้ทั้ง 2 นัดเพื่อการันตีอย่างน้อยอันดับ 2 ที่จะได้เลื่อนชั้นอัตโนมัติ

กลุ่มเพลย์ออฟ อุทัยธานี เอฟซี ระยอง เอฟซี คัสตอม ยูไนเต็ด และ สุพรรณบุรี เอฟซี ถ้าทั้งหมดเก็บ 3 คะแนนได้ทั้งหมด ก็จะเหลือทีมที่มีลุ้นพื้นที่เพลย์ออฟแค่ 5 ทีมรวม นครศรี ยูไนเต็ด ไปด้วย

ก็ต้องดูว่า ถ้ากลุ่มเพลย์ออฟ เก็บ 3 คะแนนได้ แต่ นครศรี ยูไนเต็ด ไม่มาตามนัด ก็จะเป็น 4 ทีมปัจจุบันนี้ที่จะร่วมล่าตั๋วเลื่อนชั้นใบสุดท้าย

สนุกกันจนนัดสุดท้ายแน่นอนครับ ทั้งเลื่อนชั้นอัตโนมัติ รวมถึงแชมป์ด้วย และแน่นอนว่ากลุ่มเพลย์ออฟที่จะขับเคี่ยวกันอย่างสนุกแน่นอนครับ

หมายเหตุ ระเบียบการคัดเลือกทีมที่จะไปเล่น เอซีแอล ของทีมจากไทยลีก ด้วยจำนวนโควตา 2 + 2 ทีม (Entry Manual for AFC Club Competitions (2021 Edition) หัวข้อ 9. Sporting Criteria)

ทีมชนะเลิศ ลีกสูงสุดภายในประเทศ (โควต้ารอบแบ่งกลุ่ม)

ทีมชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยในประเทศ (โควต้ารอบคัดเลือก)

ทีมอันดับ 2 ลีกสูงสุดภายในประเทศ

ทีมอันดับ 3 ลีกสูงสุดภายในประเทศ

ส่วนในฤดูกาล 2024 – 2025 ทีมจากไทยจะได้โควตาทั้ง 2 รายการ ทั้ง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2 ทีมและ เอเอฟซี คัพ 1 ทีม ในฐานะทีมที่มีสัมประสิทธิ์อันดับ 4 ของฝั่งตะวันออก

by TTDad

เครดิตภาพ : Fb Thai League / Fb AIS PLAY Sports