ฮิมต๋าย ฮิมยัง

ฮิมต๋ายฮิมยัง :  ฉากทัศน์สุดท้าย ไทยลีก1 ฤดูกาล 2022/23

สัปดาห์สุดท้ายของเกมการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศเดินทางมาถึงแล้วครับ จากเดิมที่โปรแกรมถูกวางเอาไว้วันที่ 14 พฤษภาคม แต่แล้วการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งมากำหนดไว้ในวันเดียวกัน ทำให้ลีกสูงสุดทั้ง 8 คู่จึงต้องมีอันย้ายวันมาตะกันในวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม แทน

ในเกมนี้จากการประกาศของไทยลีก จะมีการใช้ VAR ซึ่งบ้านเราเองมีความพร้อมในการใช้งานเพียง 4 ห้องในห้วงเวลาเดียวกัน

ดังนั้นเกมที่ถูกเลือกไว้จะมี 4 คู่ที่จะมี VAR ได้แก่ พีที ประจวบ เอฟซี พบ สุโขทัย เอฟซี ณ สามอ่าว สเตเดียม เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ ราชบุรี เอฟซี ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม

ขอนแก่น ยูไนเต็ด พบ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ณ สนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ณ ช้าง อารีนา

4 สนามที่ถูกเลือกมานั้นถือเป็นเกมที่มีผลต่อการตกชั้น ซึ่งทีมที่เข้าข่ายได้แก่ อันดับ 14 นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 29 คะแนน อันดับ 13 ขอนแก่น ยูไนเต็ด 32 คะแนน และอันดับ 12 พีที ประจวบ เอฟซี ที่มี 32 คะแนนเช่นเดียวกัน

อย่างที่เราทราบว่าเกณฑ์การตกชั้นไม่มีอะไรซับซ้อนครับ คะแนนน้อยสุดเมื่อจบการแข่งขัน 3 อันดับ จะถูกลดชั้นลงไปเล่นลีกพระรอง

หลังจบนัดที่ 29 ยังคงมีทีมที่ยืนยันการตกชั้นอยู่แค่ 2 ทีม คือ ลำปาง เอฟซี และ หนองบัว พิชญ เอฟซี ยังเหลืออีก 1 โควตาที่ยังคงต้องรอจนจบนัดสุดท้ายจึงจะรู้ว่าทีมที่ว่านี้จะเป็นทีมไหน

ถ้าลำพังคะแนนน้อยสุดคงไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าหากเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้ไม่มีคะแนนทีมไหนน้อยกว่ากัน หรือพูดง่าย ๆ คือคะแนนเท่ากัน ก็จะมีระเบียบการพิจารณาอันดับเมื่อจบการแข่งขันเข้ามาใช้

นั่นคือจากเดิมในตารางอันดับ จะไปดูผลต่างประตูได้เสีย ก็จะกลายเป็นการใช้ Head to Head ในกรณีที่มีคะแนนเท่ากัน 2 ทีม หรือ มินิลีกหากมีคะแนนเท่ากันมากกว่า 2 ทีม

หากดูที่ทีมในข่ายที่จะเกิดกรณีที่ว่า ผมขออนุญาตตัด พีที ประจวบ เอฟซี ออกจากการพิจารณาไปก่อน เพราะไม่ว่าตัวแปรจะเป็นเช่นไร โอกาสที่ พีที ประจวบ เอฟซี จะเกิดเหตุตกชั้นนั้น ถือว่ายากมาก ๆ

แต่ว่าใช่จะเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าเกิดคะแนนเท่ากันซึ่งแน่นอนว่าเราต้องไปเทียบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี แค่ทีมเดียว หากทั้งคู่คะแนนเท่ากัน นั่นคือ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ชนะ และ พีที ประจวบ เอฟซี

ก็จะพิจารณาผล Head to Head ก็เท่ากันอีกคือผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ จึงต้องมาดูผลต่างประตูได้เสียที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี น้อยกว่า 9 ประตู

จึงเป็นการยากที่ประตูได้เสียของ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จะตีตื้นขึ้นมาได้ในระดับ 9 ลูก เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดเหตุ “ประตูไหลเป็นน้ำ”

ส่วนความเป็นไปได้ที่น่าสนใจมากก็คือ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เพราะคู่นี้ถือว่าค่อนข้างสูสีกว่า แต่ช่องว่าง 3 คะแนน หากจะมีคะแนนเท่ากันได้เมื่อจบนัดสุดท้ายก็คือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แพ้ และ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ชนะ

หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จาก Head to Head ที่เท่ากัน และผลต่างประตูได้เสียที่เท่ากันก่อนแข่ง หาก นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ชนะ ก็จะมีประตูได้เสียที่ดีกว่าทันที และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด จะเป็นทีมสุดท้ายที่ตกชั้น

แต่หากเหตุการณ์นี้คือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด แพ้ และ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ไม่เกิดขึ้นแล้ว นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จะเป็นทีมที่ตกชั้นในบั้นปลายทันที ดังนั้นโอกาศที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จะตกชั้นจึงสูงมากกว่า ขอนแก่น ยูไนเต็ด ถึง 1:8

เมื่อนกหวีดยาวหลังเกมการแข่งขันยังไม่ดังขึ้น ความหวังย่อมมีด้วยกันทุกทีม ขอแค่มีความหวังแม้เพียงน้อยนิด ก็ไม่ผิดที่จะหวัง

บทสรุปในปีนี้หากไม่นับเรื่องการตกชั้นและรางวัลส่วนบุคคลต่าง ๆ ก็ทราบกันไปเกือบหมดละครับ แชมป์ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะมีการมอบถ้วยกันในค่ำคืนนี้ และงานเลี้ยงต่าง ๆ ก็ถูกตระเตรียมกันไว้หมดแล้ว หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์พังงานเลี้ยง เหมือนเช่นฤดูกาลก่อน

หากว่ากันตามโควต้าแล้ว บุรีรัมย์ จะได้โควตา เอซีแอล ไปด้วย แต่ว่าโควตานี้พวกเขาได้ไปแล้วเมื่อฤดูกาลก่อน ดังนั้น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับ 2 และคู่ชิง ช้าง เอฟเอ คัพ จึงได้สิทธิ์นี้ไปครอง

อันดับ 3 เป็นการท่าเรือ เอฟซี ที่ได้โควตา เอซีแอล รอบคัดเลือกไปด้วยเป็นของแถม ทำให้โควต้าฤดูกาล 2023/24 ครบทั้ง 4 ทีมแล้ว

ส่วนทีมที่เหลืออันดับ 4 – 11 ก็จะได้อยู่ร่วมไทยลีก 1 ฤดูกาล 2023-24 ต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ฤดูกาล นัดสุดท้ายของทีมที่ไม่มีผลใด ๆ แล้ว จึงเป็นเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล และเชื่อแน่ว่ากองเชียร์ทีมเหย้าคงแน่นขนัดมากกว่านัดไหน ๆ ในฤดูกาลนี้

โดยเฉพาะที่ช้างอารีน่า ที่จะมีการรับมอบถ้วยในวันนี้ นอกจากนั้นยังเป็นการลงเล่นเพื่อดิ้นรนหนีตกชั้นของทีมเยือน มีหรือที่กองเชียร์ “สวาทแคท” ที่มีแนวอาณาเขตจังหวัดที่ติดกัน จะไม่เดินทางมาร่วมเป็นกำลังใจให้ทีมรัก

ฤดูกาลนี้ สถิติที่มีผู้ชมสูงสุดในสนามช้างอารีน่า ถูกบันทึกไว้ที่ 29,461 คนในนัดที่เปิดบ้านรับ การท่าเรือ เอฟซี ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่านัดสุดท้าย สถิตินี้น่าจะถูกทำลายเป็นที่แน่นอน

สถิติผู้ชมสะสมที่ช้างอารีน่า ถูกจดบันทึกไว้ที่ 292,903 คน จากทั้งหมด 14 นัด เชื่อหรือไม่ว่า ยอดนี้คือเกือบ ๆ 30% ของผู้ชมในสนามของลีกสูงสุดในปีนี้ จากยอดรวมนับถึงเมื่อสัปดาห์ที่ 29 ของลีกที่ 1,012,251 คน เพิ่มมา 1 เท่าตัวจากฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งจริง ๆ ก็เทียบไม่ได้เพราะปัญหาเรื่องโควิด ถ้าเทียบกันจริง ๆ 1.3 ล้านคนในฤดูกาล 2019 ก็ใกล้เคียงกัน

แต่เอาเป็นว่าตัวเลขที่เกิน 1 ล้านคน ก็พอบอกอะไรได้บ้างว่า แฟนบอลยังคงให้ความสนใจกับการเข้าไปชมเกมสนามอยู่ กระแสบอลไทยก็ยังคงไม่ตกอย่างที่เราเป็นห่วงกันมากนัก

ส่วนฤดูกาลหน้าจะเป็นเช่นไร ก็คงต้องมาคอยติดตามกันต่อไป

ศุกร์นี้มาเชียร์เกมสุดท้ายของลีกสูงสุดกัน ทีมไหนจะตกชั้นทีมสุดท้าย ก่อนที่ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เราจะได้สมาชิกของลีกสูงสุดที่เลื่อนชั้นขึ้นมาตามหลัง นครปฐม ยูไนเต็ด และ ตราด เอฟซี เป็นทีมที่ 3 เพื่อให้ลีกสูงสุดครบ 16 ทีม

ส่วนวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม ใครที่มีสิทธิ์และยังไม่ได้เลือกตั้งล่วงหน้า ก็ออกไปใช้สิทธิ์ของท่าน ตัวท่านเป็นผู้เลือก จะเลือกใคร ไม่ให้คะแนนใคร ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน

อย่าถ่ายรูปมาโชว์ อย่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะได้มีชีวิตเดินหน้ากันต่อไปครับ

by TTDad

เครดิตภาพ : FB AIS PLAY SPORT

Warut