ฮิมต๋าย ฮิมยัง

ฮิมต๋ายฮิมยัง :  ไทยแลนด์เบอร์หนึ่งในภูมิภาค

ชื่นมื่นกันไปแล้วสำหรับชัยชนะเหนือทีมชาติเวียดนาม ในรอบชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ของศึกชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ 2022 เกมคู่นี้คือการแย่งชิงเบอร์ 1 อาเซียนกราย ๆ

ลูกทีมของ ปาร์ค ฮัง ซอ ที่ถึงแม้ในนัดแรกจะตามตีเสมอในช่วงท้ายเกมได้ แต่หากจะมองที่ประตูที่เสียอะเวย์โกล์ 2 ลูกนั้น ในทางทฤษฎียังถือว่าไม่ได้เพลี่ยงพล้ำมากเกินไปนัก แต่ในทางเทคนิครูปเกมแล้ว

บอกได้เลยว่าเป็นงานที่ยากเย็นมากที่จะบุกมาชนะที่เมืองไทยได้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่ได้ดุดันเฉกเช่นในรอบแรก ๆ

แล้วก็ยังคงเป็นรูปเกมที่ไม่ได้แตกต่างจากนัดแรกมานัก ก็เลยทำให้ ปาร์ค ฮัง ซอ ที่คุมเกมนัดนี้เป็นนัดสุดท้าย ไม่อาจนำทัพทีมชาติเวียดนามกลับบ้านพร้อมถ้วยแชมป์

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า สายการบินที่พารองแชมป์กลับบ้านนั้นจะเป็นสายการบินที่มโนไปเองว่า ได้จะได้พารองแชมป์ไปเวียดนามก่อนหน้านี้หรือไม่

แต่ถึงแม้จะไม่ใช่ ในการตลาดก็ถือว่าได้รับการพูดถึง ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก อย่างน้อยก็มีลานจอดรถทัวร์กว้างขวางมากพอที่จะให้คณะไปลงได้

ส่วนชัยชนะของทีมชาติไทยในหนนี้ ถือเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 7 มากกว่าใครเพื่อนในภูมิภาคนี้ ส่วนจะถือเป็นที่ 1 อาเซียนได้ไหม ถ้าดูจากผลงานรายการนี้เทียบกับเพื่อนร่วมภูมิภาคนี้ ก็คงพูดได้ว่า นี่คือเบอร์ 1 อาเซียนที่แท้ทรู

ประตูโทนจากการกดด้วยขวาข้างไม่ถนัดของ “โก๋อุ้ม” บอลพุ่งแหวกอากาศหนีมือผู้รักษาประตูเวียดนามเข้าไปซุกก้นตาข่าย ถ้าไม่เห็นด้วยตา ถามใครก็ต้องบอกยิงด้วยซ้ายข้างถนัด

ด้วยฟอร์มการเล่นระดับนี้ ตำแหน่ง MVP ของรายการ ไม่มีใครเห็นแย้งแน่นอน ส่วนผลงานของทีมโดยรวม ก็ต้องยกไว้เหนือทีมคู่แข่งในทุกด้าน ไล่มาตั้งแต่การทำทีม และรูปแบบการเล่น

ไม่แปลกใจที่ประธานฟีฟ่าชมเปาะว่าน่าจะมีทีมจากอาเซียนเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2026 ส่วนว่าจะไปในโควต้าแบบไหนนั้นก็ว่ากันอีกที

จบจากศึกชิงแชมป์อาเซียนแล้ว ก็จะเป็นคิวของฟุตบอลลีกสูงสุดในประเทศที่จะได้ฤกษ์ระเบิดแข้งในเลกที่ 2 ต่อทันที หลังจากหยุดยาวตั้งแต่ฟุตบอลโลกเป็นต้นมา

แต่ละทีมก็ได้โอกาสเสริมทีมและปรับจูนกันระหว่างผู้เล่นเก่ากับผู้เล่นใหม่ รวมถึงทีมที่มีการเปลี่ยนโค้ช ก็ได้โอกาสเรียนรู้แท็กติคก่อนที่จะได้ลงสนามจริงในลีก

อย่างที่ทราบกันไปแล้วเรื่องของการโอนย้ายกัน ซึ่งเส้นตายที่ไทยลีกกำหนดไว้นั้น ผ่านไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย และทุกทีมตอนนี้ก็พร้อมกลับเข้าสู่นรกไทยลีกกันอีกครั้ง

การตกชั้นสำหรับลีกสูงสุดยังคงเป็น 3 ทีมอย่างที่เราได้รับทราบกันมาก่อนแล้ว แต่กรณีของ อีสาน ยูไนเต็ด ที่เป็นฝ่ายชนะคดี ก็ยังไม่ชัดว่าจะกลับเข้ามาสู่การแข่งขันในสภาวะไหนกันแน่

ซึ่งข้อเรียกร้องที่จะกลับเข้ามาในอันดับที่ 6 ของตารางบนลีกสูงสุดนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากที่สุด เพราะไม่มีระเบียบ หรือธรรมเนียมปฏิบัติใดรองรับเลย

ก็เป็นปัญหาที่ทั้ง บ.ไทยลีก และสมาคมฟุตบอล จะต้องหาทางออกที่กระทบต่อส่วนรวมน้อยที่สุด และจะต้องไม่เป็นชนวนให้เกิดการฟ้องร้องตามมาอีก

อย่าให้เสียชื่อลีกอาชีพเบอร์ 1 ในภูมิภาคนี้นะครับ เวียดนามเองก็เพิ่งซื้อลิขสิทธิ์ไปฉาย ไม่ใช่ดูไปฟ้องร้องกันไป เปลี่ยนระเบียบระหว่างฤดูกาล

ส่วนประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับวงการฟุตบอลทั้งโดยตรงและอ้อม ๆ ก็มีหลายเรื่อง ที่ตรง ๆ เลยก็คงเป็นเรื่องที่ทางคุณปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับข่าวช็อก เลิกสนับสนุน เชียงใหม่ เอฟซี หลังจบซีซั่นนี้

คือะว่าช็อกก็คงไม่ใช่ จะบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ บีจี เลิกหนุนทีมพันธมิตรก็ไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านี้เองทั้ง ขอนแก่น ยูไนเต็ด และ สโมสรฟุตบอลราชประชา ต่างก็ถูกแยกทางมาแล้ว

การเข้ามาของ “สิงห์” กับเชียงใหม่ เอฟซี ก็เข้ามาตั้งแต่ในช่วงที่สโมสรลงเล่นในระบบอาชีพเต็มตัว ตั้งแต่การเข้ามาสนับสนุนจนเข้ามาบริหารทีมในที่สุด รวมระยะเวลาในการบริหารร่วม 7 ปี

แน่นอนว่าเมื่อถึงช่วงนึงที่ธุรกิจฟุตบอลไม่ได้สร้างผลกำไรอย่างที่ตั้งเป้าไว้ และทิศทางธุรกิจฟุตบอลที่รายจ่ายมากกว่ารายรับแบบนี้ การลงทุนในหลายสโมสร ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ในเชิงธุรกิจต่อไป

ก็เลยต้องมีการปรับนโยบาย ปรับทิศทางของการใช้จ่ายเงินเพื่ออย่างน้อยจะได้โฟกัสกับทีมที่ยังพอจะเป็นธุรกิจที่เดินหน้าต่อไปได้

ซึ่งหลังจากฤดูกาลนี้จบลง บีจี จะโบกมืออำลาเชียงใหม่ และจะมีทีมงานบริหารใหม่มาสานงานต่อ มากกว่าที่จะปล่อยทีมที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่แห่งนี้ ต้องหายไปจากสารบบฟุตบอลอาชีพ ส่วนจะเป็นใครกันนั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไป เชื่อว่ามีคนทำต่อแน่นอนครับ

อีกเรื่องก็คงเป็นเรื่องที่กำลังโดงดังในช่วงอาทิตย์ สองอาทิตย์ที่ผ่านมา กับผู้สนับสนุนหลักของไทยลีก 3 กองสลากพลัส ที่กำลังอยู่ในระหว่างแก้ข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องความผิดหลายอย่าง

ฤดูกาลที่แล้ว เจ้าตลาดล็อตเตอรี่ออนไลน์ มังกรฟ้า ก็ประสบปัญหาทางด้านการละเมิดข้อกฎหมาย จนทำให้ธุรกิจหยุดชะงักจนถูกถอดจากการเป็นผู้สนับหลักของไทยลีก 3

ก็ต้องมาดูกันต่อว่า การแก้ข้อกล่าวหาจะ “ฟังขึ้น” หรือไม่อย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อการอุดหนุนฟุตบอลลีกหรือไม่ อย่างที่เราทราบว่า ฟุตบอลโดยเฉพาะในลีกล่าง หาผู้สนับสนุนที่จะนำเงินมาอุดหนุนลีกที่ทำเงินไม่ค่อยจะได้นั้น ยากเย็นเต็มที

กว่าที่จะมีผู้สนับสนุนมาก็เกิดกรณีประสบปัญหาทางด้านคดีความกัน ก็ไม่รู้ว่าหากเกิดเหตุเช่นเดียวกับผู้สนับสนุนในฤดูกาลก่อน จะมีใครอีกไหมที่จะหาญกล้าเข้ามาสนับสนุนต่อไป

หากจะพูดถึงสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาสนับสนุน ถ้าจะมองไปที่รายใหญ่ ๆ ก็คงมีไม่มากนัก ศักยภาพที่พอจะมีก็คงต้องมองไปที่รายใหญ่ ๆ ที่ตอนนี้ไปสนับสนุนรายการต่าง ๆ ในต่างประเทศ เรียกว่าเป็นลักษณะโกลบอลแบรนด์

ส่วนรายเล็กคงต้องเซฟตัวเองจากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในชาวงที่ต้องการการฟื้นตัว ก็ไม่รู้ว่าทิศทางการฟื้นตัวจะออกมาในรูปแบบไหน ช้าหรือเร็ว ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะต้องดีขึ้นกันในเร็ววัน

เครดิตภาพ : FB ช้างศึก , FB Thai League , https://www.smmsport.com , https://www.bangkokbiznews.com/

by TTDad

Warut