ฮิมต๋ายฮิมยัง | เมื่อไหร่บอลไทยจะได้เปิดลีก ?

ถ้าในสถานการณ์ปกติ สุดสัปดาห์นี้ การแข่งขันไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ 2021 ก็จะได้ฤกษ์ระเบิดแข้ง เพื่อที่ว่าการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของไทยจะได้เริ่มฟาดแข้งในสัปดาห์ถัดไป

จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ก็ได้ถูกเลื่อนไปเป็นกลางเดือนสิงหาคมเป็นคำรบแรกไปแล้ว

แต่ด้วยสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อยังคงทำสถิติใหม่ในทุก ๆ วัน ตารางการแข่งขันที่เคยเลื่อนมาแล้วรอบนึงกลับต้องมีการประกาศเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากให้เป็นเพราะมันส่งผลกระทบไปทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ วงการกีฬาก็หนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบไปด้วย

แต่การเตรียมทีมเพื่อสู้ศึกฤดูกาลใหม่ก็คงต้องดำเนินต่อไป แม้ว่าภาระหนักจะไปตกอยู่กับแต่ละสโมสร ตั้งแต่ลีกสูงสุดลงมาถึงลีกภูมิภาค

สัญญาที่ได้เซ็นกันไว้แล้วนั้น เม็ดเงินจำเป็นจะต้องจ่ายไปตามสัญญาที่จรดปากกากันเอาไว้ ส่วนเวลาการแข่งขันจะกลับมาเมื่อใดกันแน่ ก็สุดแท้แต่จะคาดเดากัน เอาเป็นว่าต้องจับตาสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดก็แล้วกัน

ภายหลังจบศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม อย่างที่ทราบกันว่า ตัวแทนหนึ่งเดียวของสโมสรไทยที่ผ่านด่านไปเล่นรอบต่อไปก็คือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ส่วนอีก 3 สโมสรก็มีอันต้องตกรอบ ไม่ได้ไปต่อ

แต่กระนั้น ทุกสโมสรก็ได้รับเงินรางวัลที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน เริ่มที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กวาดเงินรางวัลไป 3 แสน เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.75 ล้านบาท ยังไม่รวมรอบ 16 ทีมสุดท้าย

เชียงราย ยูไนเต็ด ได้ไป 1.65 แสน เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.4 ล้านบาท การท่าเรือ เอฟซี ได้ไป 1.2 แสน เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.9 ล้านบาท และทีมสุดท้าย ราชบุรี เอฟซี ที่ได้รับน้อยที่สุด 2 หมื่น เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.5 แสนบาท

หลังจากที่ การท่าเรือ เอฟซี กระเด็นตกรอบในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก จากการคุมทีมของ “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ที่ผลงานดูจะไม่น่าประทับใจนัก ต่อเนื่องมาจากช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว ต่อมาจนถึง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021

เหตุนี้เองน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ตำแหน่งนี้ถูกเปลี่ยนมือมาเป็น “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน กุนซือผู้พา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีก เมื่อซีซั่นก่อน เข้ามาทำทีมแทน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งตกปากรับทำ ราชประชา สู้ศึกไทยลีก 2

แน่นอนในความสำเร็จเมื่อฤดูกาลก่อน “โค้ชโอ่ง” น่าจะยังอยากอยู่ในลีกสูงสุดมากกว่า อย่างน้อยก็คุ้นเคย และยังเป็นการพิสูจน์ว่า การคุมทีมให้ได้แชมป์ไม่ใช่แค่นักเตะเท่านั้น กุนซือเองก็สำคัญไม่แพ้กัน

อีกแรงหนุนที่ทำให้ “โค้ชโอ่ง” โยกกลับเข้ามาทำหน้าที่อีกคำรบก็คงเป็นกระแสเรียกร้องของแฟนบอลที่ต้องการจะเห็นทีมประสบความสำเร็จ การมองหาโค้ชที่มีคุณสมบัติแบบนี้ โค้ชคนนี้เพิ่งพา บีจี ปทุม คว้าแชมป์ลีกหนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร จึงเป็นเรื่องที่เหมาะเจาะอย่างยิ่ง

ต้องยอมรับอย่างนึงว่า การท่าเรือ เป็นอีกหนึ่งทีมใหญ่ของไทยลีก และต้องการจะก้าวขึ้นไปเป็นทีมที่มีลุ้นคว้าแชมป์ไทยลีกอย่างเต็มตัว หรือประสบความสำเร็จในรายการฟุตบอลถ้วยรายการใดรายการหนึ่งให้ได้ จึงต้องการเฮดโค้ชที่มีศักยภาพดีกว่าเดิมเข้ามา และการมาของ “โค้ชโอ่ง” อาจจะทำให้แฟนบอลคลองเตยได้สมหวังเสียที เฉกเช่นที่ “โค้ชโอ่ง” เคยทำได้เมื่อครั้งทำ สิงห์ท่าเรือ เดิม ขึ้นชั้นกลับมาอยู่ในไทยลีกได้ในปี 2013

อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของ “โค้ชโอ่ง” คือการคุมนักเตะระดับชั้นนำทั้งไทยและเทศ จนสามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้ อย่าลืมว่า การท่าเรือ เองก็มีนักเตะในระดับแถวหน้าอยู่อย่างคับคั่ง เช่นเดียวกับ บีจี ปทุม การมีโค้ชที่มือถึง จัดการนักเตะดาวดังอีโก้สูง ๆ มาได้ น่าจะเป็นผลดีในการมาคุม การท่าเรือ ในฤดูกาลนี้

ส่วนการเสริมทีมที่เรียกเสียงฮือฮาไปไม่น้อยก็คือ ราชบุรี เอฟซี ในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อใส่รายชื่อของ “โตโน่” ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ดารานักร้องนักแสดง ลงเป็นผู้เล่น แม้ไม่มีโอกาสได้ลงเล่นในเกมแม้นาทีเดียวก็ตาม

แน่นอนว่าแม้ในถ้วยเอเชียจะไม่ได้ลงเล่น แต่ในเวทีไทยลีก 1 นั้น มีโอกาสไม่น้อยที่ “โตโน่” จะได้ลงสนามจริง ๆ เรียกได้ว่างานนี้ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่จะลงเล่นไทยลีกปีนี้ จะมีแฟนบอลสาว ๆ ติดตามเชียร์ทีมมากขึ้นไม่มากก็น้อย

ส่วนทีมน้องใหม่ไทยลีก 1 ก็มีการขยับเสริมทีมอย่างต่อเนื่อง หนองบัว พิชญ เอฟซี จัดการเสริม วรากร ทองใบ จาก ชลบุรี เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว ณัฐพงศ์ เปพาทย์ จาก สุพรรณบุรี เอฟซี แอร์ตอน ติราบาสซี จาก Avaí FC แฮมิลตัน โซอาเรส จาก Kazma  ลิดอร์ โคเฮน จาก ฮาโปเอล เทล อาวีฟ และ อธิบดี เอติรัตน์ จาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ดด้วยสัญญายืมตัว

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ก็มีการเสริม กรกช วิริยอุดมศิริ จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่อศักดิ์ สะอาดเอี่ยม  จาก ลำพูน วอริเออร์ เซร์คิโอ เอสคูเดโร่ จาก โทชิงิ เอสซี และ อาทิตย์ ดาวสว่าง จาก พีที ประจวบ เอฟซี เพิ่มเข้ามา

ส่วน ขอนแก่น ยูไนเต็ด จัดหนักด้วยการเสริม อิบสัน เมโล นรงฤทธิ์ บุญสุข และ โจชัว กรอมเมน จาก สุโขทัย เอฟซี อภิศร ภูมิชาติ และ ปาณเดชา เงินประเสริฐ  จาก สุพรรณบุรี เอฟซี สันติธรณ์ ลัทธิรมย์ จาก โปลิศ เทโร เอฟซี ธีรัตม์ นาคชำนาญ จาก หนองบัวพิชญ เอฟซี กฤษณ์พรหม บุญสาร จาก เกษตรศาสตร์ เอฟซี วีรภัทร นิลบูรพา จาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว ยศพล เทียงดาห์ จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยาเซียร์ อิสลามี ปินโต้ จาก Rangers Talca ปิดท้ายด้วย อรรถวิท สุขช่วย จาก เชียงใหม่ เอฟซี

ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปว่า ใครกันจะได้รับสิทธิ์นี้ไปครอง หากว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดกลับมาคลี่คลาย ก็อาจเป็นไปได้ว่าบางสนาม อาจจะยังไม่มีคนดู เม็ดเงินจากการถ่ายทอดสดคงจะเป็นเส้นเลือดหลักให้แต่ละสโมสรได้นำไปใช้จัดการหมุนเวียนกระแสเงินในสโมสรได้

บางสโมสรที่สายป่านยาวหน่อย ก็ยังคงพอที่จะถูไถไปได้ แม้จะยากลำบากบ้าง แต่อีกหลายสโมสรที่เงินทุนอาจจะไม่หนานัก ไม่มีใครคอยโอบอุ้ม ก็ต้องงัดทุกกลยุทธในการบริหารงานเข้ามาประคับประคองสโมสร

สถานการณ์ปัจจุบัน จะบอกว่าเป็น “ฮิมต๋ายฮิมยัง” ของผู้บริหารสโมสรเลยก็ว่าได้ วิกฤตครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่ผ่านมันไปให้ได้ ยังไงก็เอาใจช่วยกันครับ

ฮิมต๋ายฮิมยาง by TTDad

#ฮิมสนาม #ฮิมสนามตั้งวงเล่า #อีซูซุศาลาเชียงใหม่ #ChiangmaiFreshmilk #zetajersey  #ดาวเรืองตราบ้าน #ทรายป่าห้า #ไทยลีก #ไทยลีก2 #ไทยลีก3 #thaileague  #ฟุตบอล #ข่าวฟุตบอล #ภาคเหนือ #ข่าวบอล #ข่าวบอลไทย #ข่าวฟุตบอลไทย  #ป้อก๊าแข้ง #ไทยลีก1 #บอลไทย #football

Warut