ฮิมต๋ายฮิมยัง : ไทยลีก …ปิ๊กมาละเน่อ

จากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่พูดถึงฟุตบอลลีกในประเทศที่ทางไทยลีกได้ส่งแผนการจัดการแข่งขันให้กับ ศบค. ได้พิจารณา เพื่อให้การแข่งขันฟุตบอลอาชีพในประเทศดำเนินการต่อไปได้

ส่วนที่คิดถึงก่อนอันดับแรกก็คือ ไทยลีก 1-2 เพราะปัญหาในการจัดการยังไม่ถือว่ายาก ถ้าเทียบกับ ไทยลีก 3 ที่กระจายอยู่ทุกภูมิภาคและจำนวนทีมที่เข้าร่วมนั้นมากกว่า ไทยลีก 1-2

แนวทางที่นำเสนอก็อย่างที่ได้เรียนไปแล้วก็คือ ทีมที่อยู่ในจังหวัดควบคุมพื้นที่สีแดงเข้ม จะต้องหาสนามอื่นมาใช้แทนในเกมเหย้า ทีมที่อยู่ในจังหวัดควบคุมพื้นที่สีแดง หรือสีอื่นๆ สามารถใช้งานสนามเหย้าของตัวเองได้ ถ้าโปรแกรมทีมที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม เจอกับทีมที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม จะต้องหาสนามเหย้าที่ไม่อยู่ในจังหวัดควบคุมสีแดงเข้ม และผ่านมาตรฐานไทยลีก

ถ้าโปรแกรม ของทีมที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม พบกับ ทีมที่อยู่ในพื้นที่สีแดง ถ้าทีมพื้นที่สีแดงเป็นเจ้าบ้านก่อน ถือว่าแข่งขันได้ตามปกติ แต่ถ้าทีมพื้นที่สีแดงเข้มเป็นเจ้าบ้าน และทีมเยือนคือทีมที่อยู่ในพื้นที่สีแดง ก็สลับโปรแกรมกัน

ดังนั้นเมื่อแนวทางนี้ได้รับการอนุมัติ ไทยลีกก็ได้ปรับโปรแกรมระยะสั้นของเดือนกันยายน โดยจะเริ่มเปิดสนาม ไทยลีก 1 ในวันที่ 3 กันยายน โดยจะเป็นการพบกันระหว่าง น้องใหม่ที่เป็นแชมป์ไทยลีก 2 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว หนองบัว พิชญ เอฟซี จะเปิดสนามใหม่เอี่ยมอ่อง “พิชญ สเตเดียม” รับมือ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

ซึ่งคู่นี้เข้าเกณฑ์การสลับการเป็นเจ้าบ้าน ซึ่งตามโปรแกรมแล้ว คู่นี้ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี จะเป็นเจ้าบ้าน แต่ด้วยเหตุที่ว่า นครราชสีมา เป็น 1 ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ในขณะที่ หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดสีแดง ดังนั้นการสลับโปรแกรมจึงเกิดขึ้น เพื่อให้นัดแรกของไทยลีก สามารถเดินหน้าต่อไปได้

ซึ่งเหมือนกับอีกหลาย ๆ คู่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เป็นเจ้าบ้านพบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และอีกคู่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นเจ้าบ้านก่อนรับมือ สมุทรปราการ ซิตี้ ส่วนในไทยลีก 2 ก็ใช้แนวคิดเดียวกัน ลำปาง เอฟซี ต้องสลับเป็นเจ้าบ้านก่อนเพื่อรับมือ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด

สำหรับทีมที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มด้วยกัน ก็ต้องหาสนามกลางเพื่อทำการแข่งขัน อย่างที่ได้เรียนไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าบางทีมได้มองหาสนามเหย้าในจังหวัดที่ไม่ใช่สีแดงเข้มไว้รองรับแล้ว การท่าเรือ เอฟซี เอฟซี เดิมมองสนามเขากระโดงไว้ แต่ในประกาศล่าสุด พวกเขาจะใช้สนาม ช้าง อารีน่า สนามเดียวกับที่ใช้เมื่อคราว เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม เป็นสนามเหย้ารับมือ โปลิศ เทโร เอฟซี ทีมคู่แข่งในพื้นที่สีแดงเข้ม

ส่วน ชลบุรี เอฟซี จะใช้สนามกีฬากลางจังหวัดตราด เป็นสนามการแข่งขัน รับมือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

สรุปโปรแกรมการแข่งขันในสัปดาห์แรกของไทยลีก 1-2-3  ตามประกาศของไทยลีกล่าสุด มีดังนี้

3 กันยายน 2564

หนองบัว พิชญ เอฟซี – นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี T1 / ตราด เอฟซี – นครปฐม ยูไนเต็ด T2

4 กันยายน 2564

ไทยลีก 1

พีที ประจวบ เอฟซี – เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด – สุพรรณบุรี เอฟซี

ขอนแก่น ยูไนเต็ด – ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด – ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

ไทยลีก 2

ลำปาง เอฟซี – เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด

ชัยนาท ฮอร์นบิล – สโมสรฟุตบอลราชประชา

แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด – อุดรธานี เอฟซี

เชียงใหม่ เอฟซี – ระยอง เอฟซี

ไทยลีก 3 (โซนเหนือ)

4 กันยายน 2564

กำแพงเพชร เอฟซี  –  สี่แคว ซิตี้  

อุทัยธานี เอฟซี – อุตรดิตถ์ ศักดิ์สยาม เอฟซี 

วัดโบสถ์ ซิตี้ – แม่โจ้ ยูไนเต็ด

5 กันยายน 2564

ไทยลีก 1

การท่าเรือ เอฟซี – โปลิศ เทโร เอฟซี

ชลบุรี เอฟซี – บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด – สมุทรปราการ ซิตี้

ไทยลีก 2

สุโขทัย เอฟซี – อยุธยา ยูไนเต็ด

แพร่ ยูไนเต็ด – สโมสรฟุตบอลราชนาวี

ลำพูน วอริเออร์ – เกษตรศาสตร์ เอฟซี

ขอนแก่น เอฟซี       – คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด

ไทยลีก 3 โซนเหนือ

เชียงราย ล้านนา – นครแม่สอด ยูไนเต็ด 

น่าน เอฟซี  – เชียงราย ซิตี้  สนามทุ่งโฮ้ง สเตเดี้ยม

นอร์ทเทิร์นตาก ยูไนเต็ด –  พิษณุโลก เอฟซี

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่จะต้องจับตาดูอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการวางโปรแกรมในช่วงนี้ก็จะยังไม่สามารถวาง “แน่ ๆ” ไม่ได้ซะทีเดียว หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป แผนการก็ต้องเปลี่ยนตาม ก็ต้องย้ำไว้ตรงนี้ว่า ณ วันที่ 17 สิงหาคม ที่ไทยลีกลงโปรแกรมไว้เท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางไหน ก็จะมาอัพเดทกันให้รับทราบต่อไปส่วนมาตรการเรื่องการเข้าชมเกมในสนาม แน่นอนว่า ระเบียบปฏิบัติในกรณีจังหวัดสีแดง มีข้อห้ามเรื่องการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มกันไม่เกิน 20 คน ดังนั้น การเข้าชมเกมในสนามจึงไม่น่าจะได้รับการอนุญาต

แต่ในความรู้สึกส่วนลึก ๆ ของแฟนบอลก็อยากเข้าไปดูในสนามการแข่งขัน เอาซัก 25% ก็ยังดี แถมบางท่านได้รับวัคซีนไปครบ 2 โดสแล้ว ก็อยากให้มีการผ่อนปรนบ้าง แต่ข้อบังคับในสถานการณ์เช่นนี้ ยากครับ

หลายคนมองไปที่ต่างประเทศที่สนามการแข่งขันเต็มไปด้วยแฟนกีฬา ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกัน ก็อย่างว่าแหล่ะครับ มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกกันอย่างนั้น สถานการณ์ที่เจอเราจะรับมือกันแบบไหน ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ ก็ได้แต่ภาวนาว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววัน

ส่วนการถ่ายทอดสดที่หลายท่านก็ลุ้นกันว่า เมื่อเข้าไปชมในสนามไม่ได้ แล้วการถ่ายทอดสดหล่ะจะดูจากช่องไหน อย่างไร

ความคืบหน้านั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ประกาศเป็นพันธมิตรร่วมกับ AIS โดย AIS PLAY เตรียมถ่ายทอดสด “ฟุตบอลไทยลีก” ครอบคลุมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพ รายการต่างๆ ของไทย ทั้ง ไทยลีก 1-3, เอฟเอคัพ และลีกคัพ รวมถึงฟุตบอล “ทีมชาติไทย และฟุตซอลทีมชาติไทย”

โดยลิขสิทธิ์ดังกล่าวครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ทั้งชมสด ย้อนหลัง และไฮไลท์สำคัญ ที่พร้อมแฟนบอลไทยทุกคนได้รับชมฟรีในฤดูกาล 2021-2022 นี้ บน AIS PLAY แบบ Full HD จัดเต็ม เหมือนช่วงโอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่ผ่านมา และอีกหลายชนิดกีฬา

เท่าที่ทราบยังมีช่องทางฟรีทีวีที่แน่นอนว่าจะได้ชมเช่นกัน จากข่าวแน่นอนแล้วน่าจะมี 2 ช่อง คือ ททบ.5 และทีสปอร์ต ส่วนที่กำลังดูความเป็นไปได้อีก 2 ช่องคือ ไทยรัฐ ทีวี 32 และ PPTV 36

ส่วนในต่างประเทศนั้นจะเป็นหน้าที่ของ SPORTFIVE ที่จะเป็นผู้ดูแลสิทธิ์ในด้านการแพร่ภาพ เกมมิ่ง และข้อมูลในทุกเกมการแข่งขัน แบบเดียวกับที่ AIS ได้สิทธิ์ในประเทศ

รอกันอีกนิดครับ ต้นเดือนหน้าบอลไทยจะกลับมาฟาดแข้งกันแล้ว ถ้าไม่มีเหตุการณ์ฟ้าผ่าอะไรลงมาอีก

 by TTDad

#ฮิมสนาม#ฮิมสนามตั้งวงเล่า#อีซูซุศาลาเชียงใหม่#ChiangmaiFreshmilk#zetajersey#ดาวเรืองตราบ้าน#ทรายป่าห้า#ไทยลีก#ไทยลีก2#ไทยลีก3#thaileague#ฟุตบอล#ข่าวฟุตบอล#ภาคเหนือ#ข่าวบอล#ข่าวบอลไทย#ข่าวฟุตบอลไทย#ป้อก๊าแข้ง#ไทยลีก1#บอลไทย#football

Warut