ฮิมต๋ายฮิมยัง : ไฟดับ ปรับแพ้ อุทธรณ์ไม่ผ่าน

เข้าสู่เดือนที่ 2 ของปีกันแล้ว และเพิ่งเทศกาลตรุษจีนมาหมาด ๆ เป็นอีกช่วงของปีที่ข้าวของแพงขึ้น ทั้งกลุ่มอาหารและกลุ่มอื่น ๆ ที่มีข้ออ้างขึ้นราคามาจาก “หมูแพง” ทั้งที่บางเรื่องก็ไม่ได้เกี่ยวกันเลย

มาเริ่มกันที่ฟุตบอลในประเทศกันดีกว่า ไทยลีก 1 เพิ่งผ่านพ้นเกมในสุดสัปดาห์ที่ผ่ามารวมถึงนัดตกค้างในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ได้ฤกษ์เตะกันในกลางสัปดาห์

จ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ในสุดสัปดาห์สามารถเอาบุกไปเอาชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่ปรับตัวฉกาจได้ถึง “ธันเดอร์ โดม สเตเดียม” ทำสถิติชนะรวด 5 นัดในลีก

แต่สถิตินี้ก็มีอันต้องมาสะดุดหยุดลง เมื่อนัดตกค้างที่ต้องไปเยือน โปลิศ เทโร เอฟซี ที่สนามบุณยะจินดา เกมนี้เป็นโอกาสอันดีที่ “ปราสาท” สายฟ้าจะขยับช่องว่างให้มากขึ้น แต่เจ้าบ้านที่เหลือตัวผู้เล่น 10 ทั้งที่ตามหลังทีมเยือนอยู่ก่อนแล้ว 0 – 1

แต่เกมการแข่งขันที่นกหวีดยาวยังไม่ถูกเป่า อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ อาทิตย์ บุตรจินดา สวมบท “ฮีโร่” ยิงประตูตีเสมอให้กับเจ้าบ้านในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 แต่ก็ยังต้องลุ้น เพราะมีดู VAR อยู่นานพอควร

ให้หลังไม่นาน เขาเกือบจะกลายเป็น “ผู้ร้าย” เพราะแขนกาง “ผิดธรรมชาติ” ทำให้ทีมเสียจุดโทษ หลังจากพินิจจาก VAR และเป็นฝ่ายตามหลังอีกครั้ง

แต่บทละครที่ถูกเขียนในเกมนี้ยังคงมีจุดหักมุมแบบที่คนตามไม่มีใครคาดคิด เมื่อ “อาทิตย์ บุตรจินดา” ฮีโร่คนเดิม ก็ได้รับโอกาสให้กลับมาเป็นฮีโร่อีกครั้งด้วยการโหม่งประตูตีเสมอให้กับทีมเป็นครั้งที่ 2 แต่ก็ยังคงต้องมาลุ้นจาก VAR อีกคำรบเพราะเหมือนจะล้ำหน้า แต่ก็ไม่ล้ำ

สุดท้ายเกมนี้จบลงด้วยผลเสมอ 2 – 2 สุดดราม่า “ฮิมต๋ายฮิมยัง” จริง ๆ โปลิศ เทโร ทำให้สถานการณ์การอยู่รอดของพวกเขายังคงเรืองรองต่อไปด้วยคะแนนเหนือโซนตกชั้น 6 คะแนน

รองจ่าฝูงอย่าง ทรู แบงค็อก ก็มีอันต้องร่วงหล่นด้วยน้ำมือของ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่มาได้ประตูชัยจากลูกจุดโทษ โดย แฮมิลตัน โซอาเรส เพิ่มสถิติให้กับตัวเองเป็น 12 ลูก ในจังหวะที่มีการทำแฮนด์บอล     ด้วยอาการ แขนกาง “ผิดธรรมชาติ” ของ ฐิติพันธ์

จะว่าไปแล้วก็ถือเป็น “โชคร้าย” เพราะธรรมชาติของการล้ม แขนมักจะกางออกเพื่อไม่ให้เสียการทรงตัว บังเอิญที่ลูกบอลก็มาตรงตำแหน่งนั้นพอดี เลยทำให้มองว่าเป็นการทำร่างกายให้ใหญ่ขึ้น หรือเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติ

ทีมที่โผล่ขึ้นมาแทนที่ก็คือ ชลบุรี เอฟซี ที่เปิดบ้านเฉือน การท่าเรือ เอฟซี ที่เหลือผู้เล่น 10 คน แบบสุดมัน 3 – 2 แซงขึ้นเป็นรองจ่าฝูงแทน

ท้ายตารางอย่าง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ก็ต้องมาสังเวยบอลเปลี่ยนโค้ชโดน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่หยุดสถิติไม่ชนะใครในลีก เปิดบ้านถล่ม ไปแบบ ยับเยิน  4 – 1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ทิ้งทวนการคุมทีมของ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์

เท่านั้นยังไม่พอ กลางสัปดาห์นัดตกค้างยังมาโดน สุพรรณบุรี เอฟซี เพื่อนร่วมโซนตกชั้น บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ถึงบ้าน ส่งให้ สุพรรณบุรี ขยับขึ้นไปอยู่โซนปลอดภัยได้เสียที

นัดหน้าพวกเขาจะเปิดบ้านอีกครั้ง รับการมาเยือนของ สมุทรปราการ ซิตี้ น้องใหม่โซนตกชั้น เป็นทีมเดียวในฤดูกาลนี้ที่พวกเขาเคยเอาชนะได้ในเลกแรกที่เจอกัน ก็คงหวังว่าจะชนะได้อีกสักครั้ง

ลีกพระรอง ไทยลีก 2 การขับเคี่ยวในการคว้าอีก 1 สิทธิ์ในการเลื่อนชั้นอัตโนมัติในฐานะทีมอันดับ 2 ก็ยังคงสนุก เมื่อต่างฝ่ายต่างเปิดรังเก็บ 3 แต้มเหนือคู่แข่งกันอย่างสบายเท้า

สุโขทัย เอฟซี รองจ่าฝูง เอาชนะ ชัยนาท ฮอร์นบิล 3 – 0 ในขณะที่ ลำพูน วอริเออร์ อันดับ 3 เอาชนะ แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด 4 – 1 รักษาระยะห่างที่ 3 คะแนนไว้ได้เช่นเดิม

ใขณะที่ทีมที่คั่วอยู่ในพื้นที่เพลย์ออฟ ยังทำผลงานได้ไม่ดี ทั้งอุดรธานี เอฟซี และลำปาง เอฟซี ต่างก็นัดกันแพ้ ทำให้อันดับ 7 – 8 ยังคงมีสิทธิ์เข้ามาชิงพื้นที่เพลย์ออฟได้

ท้ายตาราง ยังคงดิ้นรนหนีตกชั้นกันอย่างสนุก หลังจากจบนัดที่ 21 ทีมแรกที่คงจะต้องร่วงจากลีกพระรองก็คงเป็น สโมสรฟุตบอลราชนาวี ที่มีแค่ 7 คะแนน ลำพังการตามหลังอันดับ 17 ก็ 7 คะแนนเข้าไปแล้ว หากจะมองไปที่อันดับ 15 ที่เป็นทีมสุดท้ายที่จะรอดตกชั้นช่องว่างนั้นมีถึง 15 คะแนนเลยทีเดียว ถือว่ารอดยากจริง ๆ

นัดล่าสุดพวกเขาออกไปปราชัยให้กับ ราชประชา ที่ทำสถิติ ชนะ 2 จาก 3 นัดหลังที่ลงเล่น ทำให้ “ตราชฎา” ขยับเข้าใกล้โซนปลอดภัยไปอีกนิด ด้วยช่องว่าง 3 คะแนน ที่มี “สิงห์นายด่าน” คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด ประจำการอยู่ตรงนั้นแทนที่ นครปฐม ยูไนเต็ด ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่น้อยกว่า

แน่นอนว่าสมรภูมิของการหนีตกชั้นนั้นก็สนุกตื่นเต้นไม่แพ้กลุ่มบนที่แย่งชิงสิทธิ์ไปเล่นลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า

มาต่อประเด็นเรื่องไฟส่องสนามที่ “แม่กวงสเตเดียม” ที่เกิดขัดข้องจนทำให้เกม ช้าง เอฟเอ คัพ ที่พวกเขาเปิดบ้านรับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ต้องถูกสั่งให้ยุติการแข่งขัน

จากการตัดสินโดยคณะกรรมการวินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จากกรณีไฟฟ้าส่องสว่างขัดข้องในเกม ช้าง เอฟเอ คัพ ระหว่าง ลำพูน วอริเออร์ พบกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี ที่มีการยุติการแข่งขัน และ ลำพูน วอริเออร์ ถูกปรับแพ้

ทาง ลำพูน วอริเออร์ ได้มีการยื่นอุทธรณ์ไปตามสิทธิ์โดยให้เหตุผลเรื่องการปรับปรุงพื้นที่ ทำให้มีการขุดไปโดนสายไฟใต้ดิน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอุทธรณ์ฯ ก็ได้มีการพิจารณาการอุทธรณ์ โดยผลการตัดสินยังคงยืนยันเช่นเดิม โดยมีรายละเอียดผลการพิจารณาดังนี้

“กรณีที่สโมสรยื่นอุทธรณ์ว่าสาเหตุของการเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้อง เนื่องจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน มีการปรับปรุงท่อระบายน้ำรอบสนาม โดยการขุดดินวางท่อระบายน้ำใหม่ ซึ่งขุดไปโดนท่อสายไฟส่องสว่างที่อยู่ใต้ดินโดยไม่แจ้งให้ทราบนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า โครงการก่อสร้างรางระบายน้ำ ระยะเวลาในการก่อสร้างระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม 2564 – 18 มกราคม 2565 แต่กรณีเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องจนเป็นเหตุให้ต้องยุติการแข่งขันนั้น เกิดขึ้นในวันที่ 19 มกราคม 2565 ทั้งยังมีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันทราบว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 สโมสรลำพูนฯ ได้ใช้สนามดังกล่าวแข่งขันและเกิดเหตุทำนองนี้มาแล้ว ไฟฟ้าขัดข้องในครึ่งเวลาหลังของการแข่งขันประมาณ 33 นาที แต่สามารถแก้ไขให้กลับมาแข่งขันได้จนจบการแข่งขัน

แสดงให้เห็นว่าสโมสรลำพูนฯ พอจะทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่ามีการปรับปรุงท่อระบายน้ำ และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของสนามแข่งขันอีกได้ สโมสรลำพูนฯ ควรจะตรวจสอบเตรียมการให้พร้อมสำหรับการใช้ไฟฟ้าส่องสว่างในสนามในการแข่งขันนัดถัดไป เพื่อมิให้เกิดปัญหาดังกล่าวอีก

อีกทั้งวันแข่งขัน 19 มกราคม 2565 ไม่ปรากฏว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน มีคนงานหรือเครื่องจักรเข้าปรับปรุงท่อระบายน้ำรอบสนามโดยการขุดดินวางท่อระบายน้ำใหม่แต่อย่างใด

ด้วยเหตุที่กล่าวข้างต้น กรณีไฟฟ้าส่องสว่างสำหรับใช้ส่องสนามแข่งขันขัดข้อง จนไม่สามารถดำเนินการแข่งขันต่อไปได้ เป็นความบกพร่องขององค์กรสมาชิกทีมเหย้า ที่ประชุมคณะกรรมการอุทธรณ์ จึงมีมติเอกฉันท์ให้ยืนโทษตามคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท การอุทธรณ์ไม่เป็นผลให้ริบเงินอุทธรณ์ตามระเบียบ ส่วนกรณีตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ ข้อ 2.3 หากมีการยืนโทษให้เพิ่มโทษอีกหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากโทษปรับแพ้ ถือเป็นโทษสูงสุดในระบบการแข่งขันที่ถือเอาการแพ้ชนะเป็นเกณฑ์ตัดสิน โดยสภาพของโทษไม่อาจเพิ่มโทษอีกต่อไปได้ จึงไม่สามารถเพิ่มโทษอื่นใดได้อีก

สโมสรหนองบัวพิชญ เอฟซี ในฐานะคู่แข่งขันทีมเยือน จึงเป็นสโมสรที่ได้สิทธิในการผ่านเข้าสู่รอบต่อ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลรายการช้าง เอฟเอ คัพ 2021/22”

นี่คือบทสรุปของเรื่องนี้ครับ อย่างที่ได้เรียนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับว่า ค่อนข้างยากที่จะอุทธรณ์ชนะ และทางสโมสรฯ ก็ทราบดี แต่ก็เลือกที่จะ “สู้”

การต่อสู้ในสิทธิ์ที่เรามี ถือเป็นการแสดงออกว่า เมื่อยังไม่ยุติ มีช่องทางให้สู้ ก็เลือกจะสู้ อย่างน้อยก็จะทำให้ได้รู้ว่าการต่อสู้ คือคุณสมบัติเบื้องต้นของ “นักสู้” ดีกว่ามาเสียใจทีหลังที่ไม่ได้สู้

“ฮิมยัง” กับเรื่องไฟดับ นับจากนี้ก็เดินหน้าต่อเพื่อลุ้นเลื่อนชั้นนะ “ราชันโคขาว”

เครดิตภาพ ; https://www.goal.com/th | FB Fair

ร่วมสนับสนุนโดย
#อีซูซุศาลาเชียงใหม่ #ChiangmaiFreshmilk #zetajersey #ดาวเรืองตราบ้าน #ทรายป่าห้า
.
#ไทยลีก #ไทยลีก2 #ไทยลีก3 #thaileague #ฟุตบอล #ข่าวฟุตบอล #ภาคเหนือ #ข่าวบอล #ข่าวบอลไทย #ข่าวฟุตบอลไทย #ป้อก๊าแข้ง #ไทยลีก1 #ฮิมสนาม #ฮิมสนามตั้งวงเล่า #บอลไทย #football #เล่าสู่กันฟัง #มังกรฟ้าลีก #Bluedragonleague  #North  #m150championship  #thaileague2 #RevoThaiLeague

Warut