ฮิมต๋ายฮิมยัง : จ่าฝูงคืนฟอร์ม

ยังคงลงเล่นกันอย่างต่อเนื่องทั้งฟุตบอลลีก รวมไปถึงฟุตบอลถ้วยในประเทศ ยิ่งเกมเหลือน้อยก็จะเกิดปรากฎการณ์ดิ้นหนีตาย และลุ้นเลื่อนชั้นก็จะยิ่งเข้มข้นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

จ่าฝูงไทยลีก 1 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สะดุดไป 2 นัดติด เก็บได้แค่แต้มเดียวจาก 2 นัด ก็กลับมาคืนฟอร์มเก่งได้ในนัดล่าสุดที่บุกไปเอาชนะ สมุทรปราการ ซิตี้ มาได้ทำให้เก็บ 3 แต้ม เดินหน้าขยายช่องว่างระหว่างทีมอันดับ 2 เป็น 8 แต้ม เพราะ ทรู แบงค็อก กลับบ้านมือเปล่าจากการออกไปเยือน พีที ประจวบ เอฟซี แล้วพ่ายแพ้กลับมา

“ต่อพิฆาต” สร้างเซอร์ไพร์ซเป็นนัดที่ 2 เมื่อสามารถเก็บได้ 6 แต้มเต็มมาได้ทั้งจากจ่าฝูงและรองจ่าฝูง ทำให้ตอนนี้พวกเขาเก็บได้ 20 แต้ม ผลงานชนะ 3 จาก 5 นัดล่าสุดที่ลงเล่น เพิ่มโอกาสในการอยู่รอดต่อไปได้อีกหน่อย

แน่นอนว่าในโซนตกชั้น จะมีก็แต่ “เขี้ยวสมุทร” เท่านั้น ที่ผลงานตอนนี้ถือว่า “ดำดิ่ง” เมื่อผลงาน 3 นัดหลังสุดนั้นแพ้รวด เปิดโอกาสให้ทีมท้ายตาราง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ “ช้างเผือก” นัดล่าสุดภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชจั๊บ” สุรชัย จิระศิริโชติ เก็บเพิ่มได้อีก 3 แต้มใหญ่ ๆ จากการบุกมาเอาชนะ การท่าเรือ เอฟซี ได้ถึง “แพทสเตเดียม” เป็นชัยชนะนัดที่ 2 นอกบ้านในฤดูกาลนี้

ช่องว่างที่ตามหลัง “เขี้ยวสมุทร” ลดลงเหลือ 4 แต้มแล้ว ถ้าสถานการณ์ยังอยู่ในรูปแบบนี้ เราอาจเห็นทีมบ๊วยเป็นทีมอื่นที่ไม่ใช่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ก็เป็นได้ โซนนี้จะว่าไปก็ยังคงต้องจับตาดูอยู่ เพราะอะไรก็ยังเกิดขึ้นได้กับ 9 นัดที่เหลืออยู่ของฤดูกาล

ส่วนกลุ่มหัวตาราง ผลจากการที่ “แข้งเทพ” ยังหาฟอร์มเก่งของตัวเองไม่เจอ 5 เกมหลัง แพ้ไปถึง 3 เกม เรียกว่าเสียหายหนักมาก ทำให้ แชมป์เก่า” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ขยับแซง “ฉลามชล” ที่พลาดท่าแพ้ โปลิศ เทโร เอฟซี ขึ้นมาทาบแบบหายใจรดหน้าด้วยผลต่างประตูได้-เสียเท่านั้น นัดที่บุกไปเอาชนะ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด นายใหม่ มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือชาวญี่ปุ่น ก็ได้โอกาสเข้าดูเกมนัดแรกอีกด้วย

ไม่แค่เท่านั้น อันดับที่ลดหลั่นกันมาก็ห่างแค่ 1 – 3 คะแนนเท่านั้น โซนนี้จึงเป็นอีกโซนที่อันดับอาจเปลี่ยนแปลงได้ในสุดสัปดาห์นี้

ส่วนฟากฝั่งลีกพระรอง ไทยลีก 2 การลุ้นขึ้นชั้นยังคงขับเคี่ยวกันอยู่ จ่าฝูง ตราด เอฟซี ที่เพิ่งเสียสถิติไม่แพ้ใครในลีกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็กลับมาคืนฟอร์ม เก็บ 3 คะแนนเหนือ อุดรธานี เอฟซี โกยคะแนนหนีรองจ่าฝูง สุโขทัย เอฟซี ที่ยังฟอร์มดุถล่ม แกรนด์อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด พร้อมรักษาระยะห่างจากทีมอันดับ 3 ลำพูน วอริเออร์ ที่ 3 คะแนนไว้ได้เช่นเดิม

ส่วนทีมที่ไล่ล่าพื้นที่เพลย์ออฟ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มดีต่อเนื่องหลังการเข้ามาคุมทีมโดย “โค้ช ชาย” สมชาย มากมูล ก็ต้องมาสะดุด เมื่อออกไปพ่ายให้กับ ลำพูน วอริเออร์ ถือเป็นการพ่ายแพ้ไป-กลับ ในฤดูกาลนี้

ประตูตีเสมอของ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด จาก เลอันโดร อัสซัมเซา ดูจะเป็นลูกล้ำหน้า แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ก็ไม่ได้ยกธงว่าล้ำหน้าแต่อย่างใด ทำให้เมื่อจบการแข่งขัน ลำพูน วอริเออร์ ได้ทำหนังสือประท้วงการทำหน้าที่ของผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 จากการทำหน้าที่ผิดพลาดในจังหวะนี้

ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ได้พิจารณาจากรายงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินฯ และจากการดูคลิปประกอบเหตุการณ์แล้ว เห็นด้วยกับผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ

คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ลงโทษผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด พักการปฏิบัติหน้าที่ 3 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ถึง วันที่ 10 มีนาคม 2565

ดีที่ผลการแข่งขันที่ออกมาสกอร์ค่อนข้างห่าง หากว่าจังหวะนี้มีผลทำให้ผลการแข่งขันออกมาเป็นแบบอื่น คงไม่เป็นผลดีกับฝ่ายเสียประโยชน์เลย เพราะผลการตัดสินมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะมีการพิจารณาก็จะเป็นแค่พิจารณาความบกพร่องและลงโทษเท่านั้น

ส่วน แพร่ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมโดย “โค้ชแป๊ะ” พิชิตพงษ์ เฉยฉิว นัดล่าสุดเพิ่งบุกไปเอาชนะ คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด ทำให้ช่องว่างของโซนเพลย์ออฟ ลดเหลือแค่ 2 แต้ม แต่นี่ก็เป็นนัดสุดท้ายภายใต้หัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ชื่อ “โค้ชแป๊ะ”

เพราะหลังจากนั้น สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ก็ได้ออกแถลงการณ์ที่มีหัวข้อว่า “THANK YOU & GOOD LUCK : PHICHITPHONG CHOEICHIU” ด้วยข้อความดังนี้

“สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ขอประกาศให้ทราบว่าสโมสรฯ มีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอน ทั้งนี้ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ขอขอบคุณ “โค้ชแป๊ะ” พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ที่ทุ่มเทกับสโมสรมาตลอดทั้งการเป็นผู้เล่น และการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนของแพร่ ยูไนเต็ด และขอให้โชคดีกับเส้นทางสายฟุตบอลต่อไป”

และหลังจากนั้นก็มีการประกาศแต่งตั้งหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ในทันที

“สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ขอประกาศแต่งตั้ง “โค้ชดาท” ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ แพร่ ยูไนเต็ด โดยจะเข้ามารับงานต่อจาก “โค้ชแป๊ะ” พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ทันที

ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ วัย 35 ปี เป็นลูกหลานชาวแพร่ เป็นโค้ชดีกรี “โปร-ไลเซนส์” เคยคุมทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกินไม่เกิน 16 ปี และคุมทีม เปรย เวง เอฟซี ในประเทศกัมพูชา ก่อนที่เข้ามาเป็นเฮดโค้ชของ แพร่ ยูไนเต็ด” นับเป็นการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นคนที่ 3 แล้วในฤดูกาลนี้

ทีมที่ยังคงอยู่ในพื้นที่เพลย์ออฟ ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ ส่วนที่กำลังขยับเข้าใกล้ ก็ต่างเร่งมือเก็บแต้มกันอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่า เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งสะดุดมาในเกมล่าสุด ถือเป็นการแพ้เกมแรกในลีกของ “โค้ชชาย” อีกด้วย

ทำให้เกมในค่ำคืนวันศุกร์ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการพื้นที่ “เพลย์ออฟ” เหลือเกิน จะต้องเปิดบ้านรับศึกหนักอย่างรองจ่าฝูงสุโขทัย เอฟซี ที่ก็ยังต้องการยึดพื้นที่รองจ่าฝูงต่อไป ถือเป็นคู่เอกประจำสัปดาห์อีกด้วย

สโมสรฟุตบอลราชประชา เป็นทีมที่เสมอมากที่สุดในลีก 11 นัดที่พวกเขาแบ่งแต้มกับคู่แข่ง แต่ทีมที่มีผลเสมอตามมาเป็นอันดับ 2 ไม่น่าเชื่อว่าคือ ลำปาง เอฟซี ทีมที่อยู่ในพื้นที่เพลย์ออฟ การลงเล่นในลีก 23 นัด ถูกคู่แข่งแบ่งแต้มได้ถึง 10 นัดเลยทีเดียว

ท้ายตาราง พื้นที่ของการดิ้นรนหนีตกชั้น แต่ละทีมก็ยังทำผลงานได้ไม่ดี ไม่แพ้ ก็ เสมอ ทำให้กลุ่มนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีซักทีมที่เก็บ 3 แต้มได้ คงทำให้ทีมร่วมโซนมีสะดุ้งกันบ้าง

มาปิดท้ายกันที่รายการ ช้าง เอฟเอ คัพ จากเดิมที่เราพูดถึง “จอมล้มยักษ์” ของบอลถ้วยประจำปีนี้ อุทัยธานี เอฟซี ที่ล่าสุดเปิดบ้านรับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

สถิติได้ถูกจารึกไว้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้นสำหรับฤดูกาลนี้ เมื่อลูกยิงในช่วงท้ายเกมของ Charlie Clough ศูนย์หน้า “สวาทแคท” นาทีที่ 86 ปิดฉากบอลถ้วยไป 1 รายการ แต่พวกเขายังอยู่ในเส้นทางรายการ รีโว่ ลีกคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย

สงขลา เอฟซี ทีมมาจากไทยลีก 3 ก็เป็นอีกทีมที่ต้องกระเด็นตกรอบนี้ไป ด้วยน้ำมือของ สุพรรณบุรี เอฟซี ทำให้ 4 ทีมที่หลุดรอดไปในรอบรองเป็นทีมจากไทยลีก 1 ทั้งหมด โปลิศ เทโร เอฟซี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และ สุพรรณบุรี เอฟซี