ฮิมต๋ายฮิมยัง : 10 (จอม)แสบ

งวดเข้ามาเรื่อยสำหรับฟุตบอลลีกในประเทศ พี่ใหญ่ไทยลีก 1 ทีมนำกำลังกลับมาเข้าเกียร์เดินหน้าอีกครั้ง ส่วนลีกน้องสถานการณ์ยังคงมีให้ลุ้นกันในทุกพื้นที่ตั้งแต่แชมป์ไปจนถึงการตกชั้น

จ่าฝูงไทยลีก 1 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สัปดาห์ที่แล้วกลับมาคืนฟอร์ม สัปดาห์ที่ผ่านมาก็สามารถเก็บ 3 แต้มได้อีกนัดด้วยการเปิดบ้านเฉือน “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ทำให้แต้มที่พวกเขามีถูกเพิ่มเข้าไปอีก 3 คะแนน

แน่นอนว่าหลังเกม “โค้ชอู๊ด” สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ก็ได้ประกาศลาออก เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ไม่อาจทำผลงานได้ดีดั่งเช่นที่ถูกคาดหวัง ไม่นาน การท่าเรือ เอฟซี ก็ประกาศแต่งตั้ง วีรยุทธ์ บินอับดุลเลาะมาน ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการณ์หัวหน้าผู้ฝึกสอนชั่วคราว จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง นับเป็นกุนซือ รายที่ 4 แล้วในปีนี้ ต่อจาก “โค้ชอู๊ด” ที่ทำหน้าที่ 2 คำรบ และ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน

รองจ่าฝูง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กลับทำผลงานได้ไม่ดีเอง เก็บเพิ่มได้เพียงแค่แต้มเดียว เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านย่านรังสิต บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่โดนทีเด็ดของ โปลิศ เทโร เอฟซี ตีเสมอในช่วงทดเจ็บ อดแซง “แข้งเทพ” ขึ้นเป็นรองจ่าฝูง แต่กระนั้น ชาตรี ฉิมทะเล กลับถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเขาเป็นชายที่ยิงประตูติดต่อกันมาแล้ว 13 ฤดูกาลให้กับ “กระต่ายแก้ว” ตั้งแต่ชื่อเดิม บางกอกกล๊าส เอฟซี

โปลิศ เทโร เอฟซี ที่เหลือตัวผู้เล่น 10 คน เป็นอีกนัดที่พวกเขาแสดงให้เห็นว่า แม้นตัวผู้เล่นจะน้อยกว่า แต่จะเอา 3 แต้มไปจากพวกเขานั้นไม่ง่าย ก่อนหน้านี้ก็เป็นเกมที่พวกเขาเล่นกับจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ภาพเก่ากลับมาวนฉายซ้ำกับ “แชมป์เก่า” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะเรียกว่าเป็น “10(จอม) แสบ” ของฤดูกาลนี้ก็คงได้

ส่วนทีมน่าเป็นห่วงก็คงเป็น “ฉลามชล” ชลบุรีเอฟซี ที่พ่ายแพ้มาเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน อันดับรูดกราวจากที่คั่วรองจ่าฝูง ตอนนี้พวกเขาหล่นมาอยู่ที่ 5 มี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตามหลัง 1 คะแนน การท่าเรือ เอฟซี 3 คะแนน

หากพวกเขาพลาดท่าเป็นนัดที่ 4 แล้ว 2 ทีมที่ตามหลังมาเก็บ 3 แต้ม อันดับอาจจะลงไปถึงที่ 7 เลยทีเดียว แต่ข้อแม้คือ การท่าเรือ ต้องยิงให้ได้เกินครึ่งโหล ซึ่งถามว่าเป็นไปได้ไหม ก็อาจเป็นได้

ส่วนเรื่องที่ต้องให้พูดถึงก็คงเป็นเรื่องการตัดสิน เกมที่พูดถึงกันมากก็คงหนีไม่พ้นเกมที่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปได้ 2 – 1 ในเกมที่เต็มไปด้วยข้อกังขา โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน จนทำให้ เมืองทอง ยูไนเต็ด ต้องทำหนังสือประท้วงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในเกมนี้

ซึ่งในเบื้องต้นทาง คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท มีคำสั่งให้ผู้ตัดสินในเกมนั้น ศธราวุทธ ขันทะวิชัย หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในการแข่งขันรีโว่ ไทยลีก 2021/22 สัปดาห์ที่ 22 เนื่องจากยังอยู่ระหว่างพิจารณาบทลงโทษ และจะมีการตัดสินบทลงโทษอีกครั้ง ซึ่งคาดว่า จะมีผลพิจารณาออกมาภายในวันศุกร์ที่ 25 ก.พ. นี้

ก็ต้องมาดูต่อไปว่า ผลการพิจารณานั้นจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งการพิจารณานั้นก็จะเป็นบรรทัดฐานในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน หากคณะกรรมการ มองว่าการทำหน้าที่บกพร่อง ก็คงต้องมีบทลงโทษ

แต่อย่างที่เคยเรียนให้ทราบว่า ผลการแข่งขันที่ทีมเสียประโยชน์ได้รับนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะมีก็แต่การลงโทษผู้เกี่ยวข้องภายหลังก็เท่านั้น

ส่วนโซนตกชั้น ยังคงมีสมาชิกหน้าเดิม เชียงใหม่ ยูไนเต็ด กลับมาพ่ายแพ้อีกครั้งหลังจากเก็บมา 6 แต้มจาก 2 นัดก่อนหน้า ส่วน สมุทรปราการ ซิตี้ ก็เปิดบ้านเสมอ พีที ประจวบ เอฟซี เพื่อนร่วมพื้นที่สีแดง ทำให้พวกเขายังคงติดอยู่ในพื้นที่สีแดงร่วมกันต่อไป

มาต่อกันที่ลีกพระรอง ไทยลีก 2 เริ่มกันที่นัดวันศุกร์ “ศึกสองค้างคาว” ที่ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบ สุโขทัย เอฟซี ผลของคู่นี้หากใครได้ยินว่า เจ้าบ้านเหลือผู้เล่น 10 คน ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก แถมทีมเยือนมาได้ประตูออกนำในต้นครึ่งหลัง ก็ต้องบอกว่า “เจ้าบ้านแพ้แน่”

แต่ “กาญจน์” กลับไม่เป็นเช่นนั้น การพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ชนะ ด้วยตัวผู้เล่นที่น้อยกว่า และ 3 ประตูที่ยิงได้ ต้องบอกว่า “สุด” จริง ๆ เป็นเกมสุดดุเดือดและสุดมัน

ส่งให้ “ค้างคาวมหากาฬ” สามารถขึ้นไปสู่พื้นที่รอบเพลย์ออฟได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ขณะเดียวกัน “ค้างคาวไฟ” ก็สุ่มเสี่ยงต่อการเสียอันดับ 2 เพราะอันดับ 3 อย่าง ลำพูน วอริเออร์ มีโอกาสทำแต้มขึ้นมาทาบและแซงได้ หากผลต่างประตูได้เสียมากพอ

แต่ฟุตบอล คือเกมที่ปกติเราไม่อาจคาดเดาผลการแข่งขันได้หากนกหวีดยาว 90 นาทีไม่ถูกเป่า เกมในวันอาทิตย์ ชัยนาท ฮอร์นบิล เปิดบ้านรับ ลำพูน วอริเออร์ ที่เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของทีมเยือน ที่ทำประตูแซงนำเจ้าบ้าน 3 – 1 แต่เมื่อเข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย เจ้าบ้านมารัว 2 ประตู เก็บ 1 แต้มสำคัญ ยึดโควตาเพลย์ออฟกลับมาได้สำเร็จ หลังจากปล่อยให้ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ลักไป 2 วัน

ส่วน ลำพูน วอริเออร์ ถือเป็นการทิ้งโอกาสทอง ไปอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นนัดที่ 2 นัดแรกก็เป็นเกมที่พวกเขาถูก สุโขทัย เอฟซี ตามตีเสมอในช่วงท้ายเกม หากพวกเขาเก็บได้ทั้งสองโอกาสนี้ ทีมที่จะรู้สึกสะดุ้งมากกว่านี้ก็คือ ตราด เอฟซี

ส่วนจ่าฝูงก็ยังคงค่อย ๆ ขยับเข้าป้ายในตำแหน่งแชมป์ด้วยผลเสมอ ซึ่งทำให้ช่องว่างในกลุ่มลุ้นแชมป์ และเลื่อนชั้นอัตโนมัติ ยังคงมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อยู่หากผลงานยังคงสะดุดกันอยู่แบบนี้

แถมยังมีตาอยู่อย่าง ลำปาง เอฟซี ที่ค่อย ๆ ย่องเข้ามา 5 นัดหลังพวกเขาเก็บไปถึง 12 คะแนน ตามหลัง ลำพูน วอริเออร์ แค่ 2 คะแนนเท่านั้น อย่าประมาทกันก็แล้วกัน

ท้ายตารางเมื่อผ่านนัดที่ 24 ตั๋วหล่นชั้นทำท่าว่าจะเหลือการแย่งชิงแค่เพียงใบเดียวแล้ว เพราะ ขอนแก่น เอฟซี ที่มี 15 คะแนน ห่างจากโซนปลอดภัย 7 คะแนน แต่ก็ยังพอใจชื้นได้ว่าเจ้าของพื้นที่อย่าง คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด ยังคง “หยุดตรงนี้” ไม่ขยับไปไหน แต่อย่าลืม “ตราชฎา” ที่อยู่ใกล้กว่าที่ 2 คะแนน

หากผลเป็นใจให้ “ตราชฎา” พวกเขาอาจโผล่พ้นพื้นที่สีแดงก็อาจเป็นได้ ส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไป เกษตรศาสตร์ เอฟซี มี 5 คะแนนที่มากกว่า คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด ยังคงหายใจได้โล่งอยู่

ปิดท้ายกันที่ “จอมแบก” นักเตะทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในรายการชิงแชมป์อาเซียน ชุดนี้เป็นนักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ที่ทางสมาคมฯ ตัดสินใจส่งเข้าแข่งขันแทนรุ่นพี่ที่ส่วนใหญ่อยู่กับสโมสรที่กำลังทำการแข่งขันทั้งไทยลีก 1 และ 2

ผลการแข่งขันในรอบแรก ชนะ 1 แพ้ 1 แต่ยังเป็นอันดับสองที่ดีที่สุด ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ และเจ้าหนู ยู 19 ก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในรอบรองชนะเลิศอย่าง ทีมชาติลาว ไปได้ ทำให้เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ทีมชาติเวียดนาม ที่เราแพ้มาในรอบแรก

ก็คงเป็นโอกาสได้ล้างตากันอีกครั้ง และหวังว่า เจ้าหนูจอมแบก จะนำแชมป์กลับมาบ้านเราได้ครับ