fbpx

ฮิมต๋ายฮิมยัง : ศึกแดงเดือด ที่สยามประเทศ

ฟุตบอลในช่วงปรีซีซั่น ถือเป็นช่วงที่เหล่าบรรดาสโมสรต่าง ๆ ที่เพิ่งได้นักเตะกลับมาจากช่วงพักร้อน ต้องการสถานที่ในการฝึกซ้อม อุ่นเครื่อง และที่สำคัญคือการโชว์ตัวเก็บเงินในเวลาเดียวกัน

หากยังจำกันได้ เมืองไทยในสมัยก่อน เป็นเป้าหมายหนึ่งสำหรับบรรดาทีมชั้นนำในลีกยุโรป มักจะแวะเวียนมาทัวร์ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล

สมัยนั้นฟุตบอลลีกอาชีพบ้านเรายังคงอยู่ในช่วงตั้งไข่ ล้มลุกคลุกคลานในรูปแบบกึ่งสมัครเล่น เรียกว่า เซมิ-โปรวินเชียล ก็คงจะพอได้

ทัวร์นาเมนต์ระดับชาติก็มีแต่ ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ที่ทีมชาติจะได้ลงฟาดแข้ง ดังนั้น โปรแกรมที่มักจะจัดในช่วงมาเมืองไทยก็คือการที่นักเตะทีมชาติไทยจะได้ลงเล่นกับบรรดาทีมสโมสรระดับหัวแถวของยุโรป

ผู้เขียนเอง เคยมีประสบการณ์เข้าไปชมเกมแบบสด ๆ เท่าที่จำได้ 2 นัด ก็คือนัดที่ เอซี มิลาน จากอิตาลี และ นิวคาสเซิล จากเกาะอังกฤษ มาลงฟาดแข้งกับทีมชาติไทย ณ สนามกีฬาแห่งชาติ

ด้วยความที่งบน้อยในวัยศึกษา ค่าบัตรที่ถูกที่สุด 100 บาท และ 200 บาท ที่ต้องนั่งหลังประตู จึงเป็นทางเลือกที่จำเป็นต้องเลือก สำหรับเกมแบบนี้แล้ว ถือว่าคุ้มค่าครับ แม้จะต้องแลกด้วยการที่ข้าวแต่ละมื้อจะต้องลดราคาลงไปก็ตาม

ต้องยอมรับอย่างนึงว่า โอกาสที่จะได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศในสนาม กับทีมสโมสรที่มีชื่อเสียงนั้น เด็กบ้านนอกคนนึงจะหาโอกาสอย่างนี้ได้ที่ไหนกัน

แต่ในช่วงหลัง ๆ ประเทศไทยหาได้เป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ เหมือนเช่นอดีตอีกแล้ว ตลาดฟุตบอลเกิดใหม่ อย่างอเมริกา ที่เรียกกีฬาฟุตบอลที่ใช้เท้าเตะลูกกลม ๆ ว่า “ซอคเกอร์” กลับเป็นขุมทองแห่งใหม่ที่บรรดาทีมสโมสรดัง ๆ ต่างพากันวางหมุดหมายเพื่อจะได้ไป “โชว์” ช่วงปรีซีซั่น

เมืองไทยเองจึงจะมีโอกาสนานทีปีหนที่จะมีทีมใหญ่มาเล่นปรีซีซั่นให้แฟนบอลไทยได้ชมกันสด ๆ สักนัด

จนปีนี้อีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ ศึกใหญ่ ที่เราเรียกติดปากว่า “ศึกแดงเดือด” นอกเกาะอังกฤษ กำลังจะได้ฤกษ์ระเบิดแข้งที่สยามประเทศ ด้วยเม็ดเงินมหาศาลที่ต้องจ่ายในการทำให้ศึกนี้เกิดขึ้นในระดับพันล้านบาท

แน่นอนว่าศึกแบบนี้ แฟนบอลพันธุ์แท้ของทั้งสองทีมคงอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เป็น 1 ในผู้ชมที่เข้าไปชมเกมนี้ในสนาม ด้วยสนนราคาบัตรที่เริ่มต้นเห็นเงานักเตะที่ 5,000 บาท ไปจนถึงได้สูดกลิ่นกายที่ 25,000 บาท

หากจะย้อนเทียบกลับไปในวันวานที่ผมจ่าย 100 บาท ถือว่ามันไปไกลมาก มากเกินกว่าที่จะกล้าควักเงินครึ่งหมื่นเพื่อจ่ายเป็นค่าบัตรได้

มูลค่าการตลาดของทั้งสองสโมสรถือว่าอยู่ในระดับต้น ๆ ของโลก แน่นอนมันจึงเป็นตัวเลขที่ต้องจ่ายแม้จะสูงแต่ก็ดีกว่าที่จะต้องซื้อตั๋ว จองที่พัก ซื้อบัตร ไปชมเกมที่โฮมออฟฟุตบอลอยู่มากโขเลย

ถึงแม้จะมีดาม่าเรื่องบัตรเข้าชม ทั้งเรื่องกระแสการแห่จองในช่วงเปิดจอง จนถึงกระแสข่าวการจำหน่ายบัตรในรูปแบบที่ไม่ค่อยสวยนักถึงขนาดทั้งสองสโมสร รวมถึงต้นสังกัดของศิลปินดังจะออกมาแสดงการโต้ตอบในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น บัตรส่วนใหญ่ก็ถูกจับจองไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ข่าวเรื่องการขาดหายไปของซูเปอร์สตาร์ของทั้งสองทีมในวันที่เกมการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น อาจทำให้แฟนบอลทั้งสองทีมอารมณ์ค้างกันอยู่ไม่น้อย ส่วนหนึ่งที่อยากเข้าชมในสนามก็คือการได้เห็นตัวซูเปอร์สตาร์เป็น ๆ แต่ก็ไม่ได้สมหวัง

กลับมาที่บ้านเรากันดีกว่า ข่าวคราวที่ทำให้แฟนบอลไทยต้องให้ความสนใจอีกครั้งก็คือดีลใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่กี่วันที่ผ่านมา

เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เพิ่งประกาศการย้ายทีมสุดช็อค ด้วยการปล่อย และพิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล กองกลางกัปตันทีมที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ปล่อยออกไปยังสโมสรในไทยแน่นอน ไปอยู่กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

แต่จากการติดตามข่าว เป็นตัวนักเตะที่แจ้งว่าต้องการย้ายทีม รวมถึงการเจรจาทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก และมีเวลาค่อนข้างจำกัด ที่สำคัญการตัดสินใจครั้งนี้”ประธานฮาย” ขอเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ทีมเองก็เพิ่งปล่อยตัว เอกนิษฐ์ ปัญญา เด็กปั้นที่โตจากอคาเดมีของทีมตั้งแต่อายุ 14 ปี ไปอยู่กับเมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยเหตุผลที่คล้ายกันคือนักเตะอยากย้ายทีมเอง

ก็คงเป็นเรื่องที่สุดวิสัยในการเหนี่ยวรั้งตัวเอาไว้ เพราะตัวเลขที่ว่ากันว่าได้รับกลับมาคือ 80 ล้านบาท คงนำมาใช้ขับเคลื่อนสโมสรได้ต่อไป

เรื่องนี้จริง ๆ คือหนึ่งในแนวทางการทำธุรกิจฟุตบอล ที่นอกจากการเก็บค่าตั๋ว การขายของที่ระลึก การขายนักเตะ หรือเรียกให้งามหน่อยก็คือ “การเทรดนักเตะ” อันเป็นแนวทางที่จะทำให้สโมสรยืนอยู่ ก้าวต่อไปข้างหน้าได้ด้วยผลผลิตที่เกิดขึ้นภายในสโมสร

แฟนบอลมักใช้คำว่า วิถีฟุตบอล อันมีความหมายเดียวกัน เพราะถึงจุดนึงสโมสรจะยังคงอยู่ แต่นักเตะก็อาจจะเปลี่ยนสังกัด ไล่ล่าสิ่งที่มุ่งหวัง ทั้งเงินทอง ชื่อเสียง รวมถึงตอบสนองความต้องการของตัวเอง

บทสรุปจนถึง ณ วันนี้ เชียงราย ยูไนเต็ด ปล่อยผู้เล่นออกไปแล้ว 11 คน ทั้งหมดสัญญา ทั้งการปล่อยยืม รวมถึงขายขาด แน่นอนว่าเมื่อเสียไปก็ต้องเติมเข้ามา

นักเตะใหม่ที่เข้ามาล่าสุด ก็เหมือนเป็นการสลับขั้ว แม้ตำแหน่งต่างกัน แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธความเกี่ยวข้องกันได้ วิคเตอร์ คาร์โดโซ ที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ปล่อยให้ยืมตัวมาใช้งาน

รวมแล้วเข้ามาในตอนนี้ 10 รายด้วยกัน ก็ถือว่าบวกลบแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ทีมเสียสมดุลไปมากนัก อยู่ที่ทีมงานโค้ชว่าจะปรับสมดุลกันยังไง

ส่วนทีมใหญ่อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด จากเดิมที่ไม่ได้เติมใครเลย ก็จ่ายไปในหลัก 30 ล้านบาทจากข่าวในสื่อต่าง เป็นค่าตัวของ เอกนิษฐ์ ปัญญา ส่วนอีกรายก็ได้ตัว อดิศักดิ์ ไกรษร กลับมาจาก การท่าเรือ เอฟซี เพราะหมดสัญญายืมตัว

สรุปแล้วความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ในย่านเมืองทอง ก็มีนักเตะเข้ามาเติมกำลัง 2 รายด้วยกัน

จะว่าไปปีนี้การเสริมตัวผู่เล่นก็ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องทุกวัน ดีลลับ ดีลล่ม ดีลด่วน น่าจะยังมีอยู่ แม้เวลาจวนเจียนเข้ามาทุกขณะก็ตาม

ทีมไหนที่ยังคงมีช่องว่างทั้งโควตาผู้เล่นต่างชาติ เอเชยี อาเซียน หรือแม้แต่นักเตะไทยก็คงพยายามควานหาลายเซ็นกันให้ได้

จะว่าโค้งสุดท้ายก็ว่าได้ อีกเดือนนิด ๆ ลีกก็จะเปิดแล้ว มาช้าปรับตัวไม่ทัน ก็เสียเวลากันอีก เร่งมือกันหน่อยครับ บอสและมาดาม

เครดิตภาพ : FB Muangthong United FC. | FB Chiang Rai United FC  | https://www.matichon.co.th/sport

by TTDad

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า