fbpx

สาระดีดีฮิมสนาม : ลูกฟุตบอลสำหรับฟุตบอลไทย

อย่างที่ทราบกันว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทำการเซ็นสัญญากับ Molten ในการเป็นผู้สนับสนุนลูกฟุตบอลสำหรับการแข่งขันของทีมชาติไทยและไทยลีกทุกระดับ ตั้งแต่ปี 2564 นี้เป็นต้นไป

และเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา Molten (มอลเทน) ก็ได้มีการเปิดตัวเป็นผู้สนับสนุนลูกฟุตบอล, ลูกฟุตซอล ลูกฟุตบอลชายหาด ภายใต้คอนเซปต์ “สำหรับเกมส์ที่จริงจัง คือคุณภาพที่แท้จริง” พร้อมกับโชว์ลูกฟุตบอลที่จะใช้สำหรับการแข่งขันของทีมชาติไทยและไทยลีกทุกระดับ โดยมีด้วยกันถึง 4 รูปแบบ

แบบแรกเป็นลูกฟุตบอลรหัส F5A5000-TH สำหรับการแข่งขันของทีมชาติไทย ถัดมาเป็นรหัส F5A5000-TL สำหรับการแข่งขันไทยลีก 1 แบบที่ 3 รหัส F5A4900-TL สำหรับการแข่งขันไทยลีก 2 – 3 และแบบสุดท้ายรหัส F5A3400-TL สำหรับการแข่งขันไทยแลนด์อเมเจอร์

แน่นอนว่า เมื่อเปิดตัวด้วยความแตกต่างกันแบบนี้ ทางทีมงานก็เลยลองค้นหาข้อมูลมาเพื่อให้ได้คลายข้อสงสัยกัน

มาเริ่มที่เจ้าของผู้ผลิตกันก่อน Molten ก่อตั้งที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 1958 เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาประเภท “บอล” อาทิเช่น วอลเล่ย์บอล บาสเก็ตบอล ฟุตบอล จากนั้นก็ขยายการผลิตไปที่สหรัฐอเมริกาในปี 1983 เพื่อผลิตป้อนให้กับตลาดในอเมริกา

ลูกบอลของ Molten ได้รับความไว้วางใจให้ใช้ในการแข่งขันในระดับโลกหลายรายการ ตั้งแต่ โอลิมปิกที่โตเกียว ในปี 1964 ลูกบาสเก็ตบอลก็ถูกใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ที่ ลอสแองเจิลลีส ในปี 1984 เป็นต้นมา

ลูกฟุตบอลของ Molten เองก็ได้รับความไว้วางใจให้ใช้ในการแข่งขันในรายการ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ในฤดูกาล 2018-2019 จนถึง 2020-2021 แทนที่อาดิดาส

แต่เทคโนโลยีของ Molten เองได้มีส่วนร่วมสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 2006 โดยร่วมมือกับ อาดิดาสในการพัฒนาลูกฟุตบอล และเป็นผู้ผลิตแบบ OEM ให้กับอาดิดาสในการแข่งขันครั้งนั้น

ความสามารถนี้จึงทำให้ AFC ได้เซ็นสัญญากับ Molten ในการเป็นผู้สนับสนุนลูกฟุตบอลที่จัดการแข่งขันโดย AFC ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

เทคโนโลยี “เรือธง” ของ Molten เกี่ยวกับลูกฟุตบอลมีชื่อว่า Vantaggio 5000 และได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีในการผลิตภายใต้ชื่อ ACENTECTM เทคโนโลยี ACENTECTM นี้ได้ถูกนำมาใช้ในการผลิตลูกฟุตบอลตัว Top ของ Molten โดยจะช่วยให้การควบคุมลูกฟุตบอลดีขึ้น 2.2 เท่า

ใช้การผลิตแบบ Cross-fusion bonding แทนการเย็บด้วยมือแบบเดิม โดยใช้โครงสร้างหนังแบบไร้รอยต่อและเสริมด้วยโฟม ช่วยลดการดูดซับน้ำลง 1 ใน 5 ของลูกฟุตบอลทั่วไปที่เย็บด้วยมือหรือเครื่อง เพื่อให้ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ

เล่ามาเสียยาวเลยครับเพื่อเป็นการปูพื้นเกี่ยวกับลูกฟุตบอลที่เรียกว่าตัว “ท็อป” ที่จะใช้ในการแข่งขันของทีมชาติไทยและฟุตบอลลีกในประเทศ

ความแตกต่างอย่างที่ได้เกริ่นไปตั้งแต่ตอนต้น เราจะสังเกตุ “รหัส” ที่บ่งบอกว่า ฟุตบอลลูกนั้นอยู่ในระดับไหนของยี่ห้อนี้

เราจะเห็นว่าในระดับทีมชาติและไทยลีก 1 เป็นรหัส 5000 เรียกว่าเป็นตัว “ท็อป” ของรุ่นเลยก็ว่าได้ เป็นลูกฟุตบอลหนัง PU จำนวน 32 ชิ้น ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ผิวหนังของลูกบอลมีการเคลือบด้วยเทคนิคเฉพาะ โดยผิวหนังของลูกฟุตบอลถูกออกแบบให้เป็นรอยเว้าบุ๋ม ลดแรงเสียดทานขณะลูกฟุตบอลลอยตัวในอากาศ ทำให้ควบคุมทิศทางได้แม่นยำขึ้น โครงสร้างหนังแบบไร้รอยต่อ ตามเทคโนโลยี ACENTECTM ทนต่อการใช้งาน ทนทานต่อการขยายตัว ลดอัตราการดูดซับน้ำ ไม่มีปัญหาหากต้องเล่นในสนามที่มีน้ำขัง

ส่วนรหัสต่อท้าย TH สำหรับทีมชาติไทย โดยจะมี โลโก้ของ “ช้างศึก” อยู่บนลูกบอล ลวดลายเป็นสีกรม-น้ำเงิน-ทอง ตัวหนังสือสีทอง ชื่อรุ่น 5000 พร้อมเครื่องหมาย FIFA Quality Pro (1003571)

ส่วนรหัสต่อท้าย TL สำหรับการแข่งขันไทยลีก โดยที่ไทยลีก 1 จะมีโลโก้ “ไทยลีก” สีแดงอยู่บนลูกฟุตบอล ลวดลายสี น้ำเงิน-แดง-ทอง ตัวหนังสือสีน้ำเงิน ชื่อรุ่น  5000 พร้อมเครื่องหมาย FIFA Quality Pro (1003571) ในรุ่นนี้สนนราคาเท่ามีการวางจำหน่ายคือลูกละประมาณ 3,900 บาท

ส่วนไทยลีก 2 – 3 รูปลักษณ์ก็จะเหมือนกับรุ่นที่ใช้สำหรับไทยลีก 1 จะต่างกันที่ผิวหนังของลูกฟุตบอลไม่ได้มีการเคลือบอย่างเช่นในรหัส 5000 แต่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ ACENTECTM เช่นเดียวกัน ส่วนโลโก้ “ไทยลีก” เป็นสีน้ำเงิน และตัวหนังสือบอกชื่อรุ่น 4900 พร้อมเครื่องหมาย FIFA Quality Pro (1002761) ราคาเท่าที่สืบเสาะมาได้ อยู่ที่ลูกละประมาณ 2,400 บาท รุ่นนี้ถือเป็นตัว “รองท็อป” ที่ใช้สำหรับการแข่งขันอย่างเป็นทางการ

ทั้งสองรหัสทั้ง 5000 และ 4900 นี้ ถูกรับรองให้ใช้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ หรือ Official Match Ball ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทั้งสองรหัสนี้ถูกใช้ในการแข่งขันระดับนานาชาติและลีกอาชีพ และที่สำคัญทั้งคู่ถูกตีตราว่า “เมดอินไทยแลนด์” เป็นการการันตีว่า เทคโนโลยี ACENTECTM อันเป็น “สุดยอด” เทคโนโลยีการผลิตนี้ ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต

แน่นอนว่าในระดับ AFC เอง ก็ใช้ลูกฟุตบอลรุ่นนี้ในการแข่งขันในรายการที่ AFC เป็นผู้จัด ซึ่งทีมสโมสรของไทยรวมไปถึงทีมชาติใช้ลูกฟุตบอลรุ่นเดียวกันนี้ในการแข่งขัน ก็จะทำให้เรามีความคุ้นเคยกับน้ำหนักของลูก รวมไปถึงวิธีการควบคุมลูกฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นการรับ-ส่ง หรือการยิง

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แม้ว่ามันจะมีผลอะไรไม่มากนักหากจะเทียบกับเทคนิค แท็กติก ในการเล่น แต่เชื่อว่า สิ่งใดก็ตามที่เราคุ้นเคยกับมันมากกว่า สิ่งนั้นย่อมอยู่ในการควบคุมที่ดีกว่า

ส่วนที่แตกต่างของแบบที่ 4 ที่ใช้รหัส 3400 นั้น จะเป็นการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีการเย็บด้วยเครื่องแบบทั่วไป ส่วนวัสดุด้านนอกยังคงเป็นเป็นหนัง PU เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ผิวถูกเคลือบ ใช้สำหรับการแข่งขันทั่วไป การผลิตด้วยเครื่องจักรนี้ถูกผลิตในประเทศปากีสถาน ซึ่งมีหลายยี่ห้อใช้ประเทศนี้เป็นฐานการผลิตลูกฟุตบอล สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 950 บาทต่อลูก ได้รับเกรด “การแข่งขัน” สำหรับลูกฟุตบอลรุ่นนี้ ถือเป็นน้องเล็กที่สุดสำหรับลูกฟุตบอลที่จะใช้สำหรับฟุตบอลลีกสมัครเล่นของบ้านเรา

               1 กันยายน นี้ เราก็จะได้เห็นลูกฟุตบอลจริงในการแข่งขัน ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ 2021 ซึ่งจะเป็นการพบกันระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ ไทยลีก กับ สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์ เอฟเอ คัพ ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ สนามที่เพิ่งปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน AFC ที่ความสว่างของไฟในระดับ 2,000 ลักซ์ รวมถึงการแปลงโฉมด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับการจัดการแข่งขันรายการใหญ่ที่จะมีขึ้นแน่ ๆ ในอนาคต

นี่แหล่ะครับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของ “ลูกฟุตบอล” ที่จะใช้ในการแข่งขันตั้งแต่ในระดับทีมชาติและฟุตบอลลีกภายในประเทศตั้งแต่ปีนี้ แฟนบอลชาวไทยถึงเวลาได้ติดตามฟุตบอลไทยกันตั้งแต่สุดสัปดาห์นี้เป็นต้นไป

#ฮิมสนาม #ฮิมสนามตั้งวงเล่า #อีซูซุศาลาเชียงใหม่ #ChiangmaiFreshmilk #zetajersey  #ดาวเรืองตราบ้าน #ทรายป่าห้า #ไทยลีก #ไทยลีก2 #ไทยลีก3 #thaileague  #ฟุตบอล #ข่าวฟุตบอล #ภาคเหนือ #ข่าวบอล #ข่าวบอลไทย #ข่าวฟุตบอลไทย  #ป้อก๊าแข้ง #ไทยลีก1 #บอลไทย #football #molten

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า