fbpx

ดาว ( เหนือ ) ค้างฟ้า…ประวิทย์ ภมรพล

หากจะพูดถึงนักเตะชุดเยาวชนโลกรุ่นบุกเบิกของเมืองไทยที่ได้รองแชมป์ฟุตบอลเยาวชน 16 ปี ชิงแชมป์เอเชียที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ.2539 และได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลเยาวชน 17 ชิงแชมป์โลกที่ประเทศอียิปต์ในปี พ.ศ.2540 หลายๆ คนคงจะนึกถึง ศูนย์หน้าคู่บุญ บำรุง บุญพรม และ สุธี สุขสมกิจ รวมถึงมิดฟิลด์เท้าชั่งทองอย่าง ธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น หรือจะเป็นจอมหนึบอย่าง วัชรพงษ์ กล้าหาญ แต่ยังมีนักเตะรายหนึ่งที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคเหนือตอนล่างๆ ค่อนๆ มาทางตอนบนเล็กน้อยอย่างจังหวัดตาก เล่นในตำแหน่งกองหลังแต่ก็ไม่ได้ถึงกับโดดเด่นอะไรมากนักและก็ยังมาเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ทางภาคเหนือกับหลายๆทีม ปัจจุบันก็ยังวนๆ เวียนๆ อยู่กับวงการฟุตบอลแต่ก็ไม่ถึงกับเล่นอาชีพ ก็จะเป็นรายการของหน่วยงาน อาวุโส รวมถึงการเป็นโค้ชฟุตบอลอคาเดมี่ เขาคือ “เอ๋” ประวิทย์ ภมรพล นักเตะจากเมืองตากที่ไปได้ดิบได้ดีในสายฟุตบอลที่ ศรีราชาชลบุรี จนได้เล่นฟุตบอลอาชีพให้กับหลายๆ สโมสร วันนี้เราจะพาไปพบกับชีวิตของ “เอ๋”ในมุมที่หลายๆ คนไม่รู้ว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง

          ถ้าไม่เล่นฟุตบอลก็คงจะเป็นเด็กช่างไปแล้ว

          ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตตอนอายุ 15 ปี ชีวิตของ “เอ๋” ก็เหมือนเด็กๆ ทั่วไปคือเล่นฟุตบอลและเรียนจนได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปจนถึงระดับจังหวัด ระดับเขต ก็ไม่ได้คิดได้หวังอะไรมากมายที่จะไปทางสายอาชีพฟุตบอลแต่ด้วยความชอบในการแต่งรถจักรยานยนต์ จึงเลือกที่จะเข้าเรียนวิทยาลัยเทคนิคตากก่อนก็มีทางโค้ชและครูแนะนำให้ไปเรียนอัสสัมชัญศรีราชา มหาอำนาจลูกหนังถิ่นเมืองชล

          อัสสัมชัญศรีราชาสถาบันรัก

          หลังจากตัดสินใจหอบกระเป๋าเดินทางมุ่งหน้าลาเมืองตากสู่เมืองน้ำเค็มชลบุรีศรีราชาทำให้ “เอ๋” พบกับความเป็นระบบฟุตบอลนักเรียนเป็นครั้งแรกเพราะต้องไปกิน นอน เรียน ที่นั่นในช่วงชั้นมัธยมปลายอุปสรรคใหญ่คือความคิดถึงบ้านแต่ก็ผ่านไปได้อย่างสบาย พร้อมทำชื่อเสียงให้กับสถาบันอย่างมากมายหลายรายการจนมีชื่อเข้าสู่สารบบเยาวชนทีมชาติไทยในที่สุด

          ติดทีมเยาวชน 16 ปีทีมชาติไทยคว้ารองแชมป์เอเชียได้ไปเยาวชนโลก

          ในปี 2539 “เอ๋” ถือเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของทีมฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทยที่พาทีมเยาวชนทีมชาติไทยไปลุยฟุตบอลเยาวชนโลกได้สำเร็จด้วยการ “หักซามูไร” เอาชนะทีมเยาวชนญี่ปุ่นในรอบรองชนะเลิศ1-0 เข้าชิงกับเยาวชนทีมชาติโอมานแต่ได้รองแชมป์มาครองแต่ก็ตีตั๋วไปเยาวชน17ปีชิงแชมป์โลกในปี 2540

          อาการบาดเจ็บรุมเร้าอดเล่นเยาวชน 17 ปี ชิงแชมป์โลก

          แม้ว่าทีมเยาวชน 16 ปี ทีมชาติไทยจะผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลเยาวชน 17 ปี ชิงแชมป์โลกได้สำเร็จแต่กลับไม่มีชื่อ ประวิทย์ ภมรพล อยู่ใน 18 ขุนพลชุดนั้นเพราะอาการบาดเจ็บที่เข้ามารุมเร้าทำให้ถูกตัดตัวช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเดินทางไปอียิปต์

          มีชื่อเรียกติดเยาวชน 19 ปีทีมชาติไทยแต่ขอถอนตัวเพราะเจ็บยังไม่หายและเรียนหนัก

          หลังจากจบฟุตบอล 17 ปีชิงแชมป์โลก ทางสมาคมฟุตบอลก็มีนโยบายดันเยาวชนชุดประวัติศาสตร์ขึ้นมาเล่นเยาวชน 19 ปี ทั้งชุดผสมกับนักเตะที่เรียกมาใหม่อีกเล็กน้อยซึ่ง “เอ๋” ก็ยังมีชื่อเรียกให้เข้าไปเป็นหนึ่งในชุดนี้แต่ก็ไปเก็บตัวฝึกซ้อมได้ระยะหนึ่งด้วยความที่เรียนมหาวิทยาลัยก็คือต้องเรียนหนักขึ้น อาการบาดเจ็บก็ยังไม่หายดี จึงตัดสินใจถอนตัวจากทีมตั้งหน้าตั้งตารับใช้สถาบันการศึกษาและสโมสรต้นสังกัด

          ดีกรีบัณฑิตและมหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีปทุม

          หลังจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากอัสสัมชัญศรีราชา “เอ๋” ก็ตัดสินใจเข้ารับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมซึ่งในยุคนั้นนักเตะชั้นนำของเมืองไทยก็ศึกษาที่นั่นมากมายในระดับปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ก่อนจะศึกษาต่อในระดับปริญญาโทสาขาบริหารองค์กร และก็พามหาวิทยาลัยคว้าแชมป์กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และแชมป์ยูลีก

          “บัวหลวง” ธนาคารกรุงเทพสโมสรแรกในระดับเยาวชน

          ช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ที่อัสสัมชัญศรีราชา “เอ๋” ได้มีโอกาสเล่นฟุตบอลควีนส์คัพพานาโซนิคให้กับสโมสรธนาคารกรุงเทพที่ยุคนั้นจะใช้บริการนักเตะจาก “ฉลามชล” อัสสัมชัญศรีราชาเป็นส่วนใหญ่ถือเป็นสโมสรแรกในชีวิต

          ผ่านมาแล้วกว่า 10 สโมสรตลอดชีวิตค้าแข้ง

          พูดถึงสโมสรที่ “เอ๋” เล่นในระดับอาชีพจริงๆ จังๆ ก็ถือว่ามากพอสมควรไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี สันนิบาต สมุทรปราการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไข่มุกดำหนองจอก หรือจะเป็นโปรวิลเชียลลีกกับ พิษณุโลก ศรีราชา เอฟซี กรมศุลกากร เชียงราย ยูไนเต็ด เชียงใหม่ เอฟซี ตรัง เอฟซี ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดกับทีมราชประชาและทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชไปด้วย

          สอบเข้าบรรจุรับราชการทหารแต่ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพให้ต้นสังกัด

          หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีมาระยะหนึ่งช่วงที่ฟุตบอลอาชีพบ้านเรายังไม่บูมมากนักนักเตะยุคนั้นก็จะต้องหาความมั่นคงให้ชีวิต “เอ๋” ตัดสินใจเดินทางไปสอบบรรจุรับราชการเป็นทหารสังกัดกองพลทหารราบที่ 4 โดยบรรจุรับราชการครั้งแรกที่จังหวัดนครสวรรค์ก่อนจะย้ายมารับราชการที่จังหวัดพิษณุโลกพร้อมกับเล่นฟุตบอลโปรวิลเชียลลีกและเรียนต่อปริญญาโทไปด้วย และปัจจุบันนี้ก็ได้ย้ายมารับราชการที่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 กองพลทหารราบที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ปัจจุบันครองยศจ่าสิบเอก พร้อมกับเล่นฟุตบอลกีฬาภายในกองทัพบกให้กับกองทัพภาคที่ 3 แต่ก็ไม่เคยเล่นอาชีพให้กับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด หรือ ทหารบก เอฟซี ที่เป็นทีมต้นสังกัดเลย

          กีฬาเยาวชนแห่งชาติและกีฬาแห่งชาติก็คว้าแชมป์มาแล้ว

          “เอ๋” เคยคว้าแชมป์กีฬาเยาวชนแห่งชาติกับทีมเขต 6 พิจิตร ที่ปีนั้นขนนักเตะอัสสัมชัญศรีราชามายกทีม ส่วนกีฬาแห่งชาติเคยคว้าแชมป์กับเขต 10 กทม. ที่ขนเยาวชนโลกมาเล่นกันทั้งทีมนั่นเอง

          ทีมแชมป์ไทยลีกอยู่มาแล้วหลายทีม

          จะว่าไป “เอ๋” ก็ถือเป็นนักเตะที่อยู่กับสโมสรที่ได้ชื่อว่าแชมป์ไทยลีกมาก็ไม่น้อยเริ่มจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่เคยเล่นในระดับดิวิชั่น1 ที่ปัจจุบันคือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกทีมก็เป็น ไข่มุกดำหนองจอก ที่เคยเล่นในดิวิชั่น 1 เช่นกัน หรือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน รวมถึงแชมป์ไทยลีกล่าสุดอย่าง “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด “เอ๋” ก็ถือว่าเป็นนักเตะยุคบุกเบิกของทีมนี้ตั้งแต่ดิวิชั่น 2

          ก็ไม่ผิดที่จะเรียกว่า “เจ้าพ่อเลื่อนชั้น” หรือ “เจ้าพ่อแชมเปียนส์ลีก”

          “เอ๋” ถือเป็นนักเตะที่พาทีมหลายๆ ทีมเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงขึ้นมากมายอย่าง พิษณุโลก เอฟซี ที่เล่น โปรวิลเชียลลีก 2 มาเล่น โปรวิลเชียลลีก 1 จนได้เล่นดิวิชั่น 1 ศรีราชา เอฟซี จาก ดิวิชั่น 1 ขึ้นมาเล่นไทยลีก รวมถึงการพาทีมจากดิวิชั่น 2 ขึ้นมาเล่นแชมเปียนส์ลีกอย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด เชียงใหม่ เอฟซี พิษณุโลก เอฟซี และ ตรัง เอฟซี แต่ก็น่าสังเกตว่าในปีต่อมาเขามักจะไม่อยู่ต่อกับทีมที่พาขึ้น

          ชีวิตปัจจุบันรับราชการ สอนฟุตบอล เล่นฟุตบอลอาวุโส

          ในวัย 42 ของ ประวิทย์ ภมรพล ปัจจุบันรับราชการทหารยศจ่าสิบเอก ที่ใครๆต้องเรียกเขาว่า “จ่าเอ๋” หรือ “จ่าวิทย์” ทำหน้าที่ด้านพลขับพร้อมหน้าที่เสริมคือดูแลโรงผลิตน้ำดื่มของหน่วยและเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลด้านงานกีฬาของหน่วย เวลาว่างจากการทำงานก็จะไปเป็นผู้ฝึกสอนให้กับสโมสร KK ACADEMY ที่จังหวัดลำพูนแม้ระยะทางจะไกลแต่ก็ไปด้วยใจรัก รวมถึงสโมสร เจ้าชุนปูคา อารีนา ที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เด็กๆ ก็จะเรียกกวันว่า “โค้ชเอ๋” รวมถึงแข่งขันฟุตบอลอาวุโสให้กับทีมต่างๆ ที่ติดต่อมาหากมีเวลาว่าง

          ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในหลายๆ คนที่แม้จะพักการเล่นฟุตบอลอาชีพไปแล้วแต่ก็ยังไม่ละทิ้งวงการฟุตบอลเพราะความสุขของพวกเขายังอยู่ที่ฟุตบอลนั่นเอง

ภาพจากฟุตบอลสยาม

ฮิมสนามรายงาน

📢Contact us:

#ฮิมสนาม 🏟️ Sports Expert
Tel : 094 9623 915
Web : https://www.himsanam.com/
facebook : ฮิมสนาม
youtube : HIMSANAM
IG : himsanam2019 ( https://www.instagram.com/himsanam2019/ )

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า