fbpx

ฮิมต๋ายฮิมยัง : แลบอลนอกยามบอลไทยปิดลีก

ช่วงนี้มีการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีป 2 รายการใหญ่ที่เตะพร้อมกัน ในยุโรปมี ยูโร 2020 และอเมริกาใต้ มี โคปา อเมริกา 2021 ให้แฟนบอลชาวไทยได้ดูในช่วงที่ฟุตบอลลีกในประเทศยังไม่เริ่มต้น มีทั้งที่เตะในในช่วงค่ำถึงดึก ลากยาวไปจนถึงตอนเช้า

.

มากันที่ศึกที่เล่นตอนหัวค่ำเมืองไทยกันก่อน ยูโร 2020 ที่มาเตะกันในปี 2021 ก็เพราะมีเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั่นแหล่ะครับ

สังเวียนในครั้งนี้มีถึง 12 เมืองใน 12 ประเทศ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์การแข่งขันที่มีอายุครบ 60 ปี ตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรก

สิ่งที่พูดถึงก็จะมีอยู่ 2 ประเด็นหลัก ๆ อย่างแรกคงเป็นเรื่องเหตุการณ์ “ช็อกโลก” ในนัดที่ เดนมาร์ก เจ้าภาพ เปิดบ้านรับ ฟินแลนด์ ในเกมที่เล่นกันเกือบจะหมดครึ่งแรก ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด คริสเตียน อิริคเซ่น หมดสติล้มลง

วินาทีนั้นคนที่ชมเกมสด ๆ ทั้งในสนามและผ่านการถ่ายทอดสดทั่วโลกก็ตกใจกับภาพสด ๆ ที่ได้เห็นนักเตะคนหนึ่งล้มลงกับพื้นสนาม ตาค้าง ไม่หายใจ

.

แว๊บเดียวก่อนที่จะเกิดอะไรมากไปกว่านั้น เพื่อนร่วมทีมต่างกรูกันเข้าไปหา ไม่นานนักผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดหยุดเกมให้ทีมแพทย์เข้ามาดูอาการ ทำการปฐมพยาบาล การฟื้นคืนชีพ เพราะ อิริกเซ่น หยุดหายใจไปแล้ว

ต้องยกความดีความชอบให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายในเหตุการณ์ที่สามารถช่วยชีวิตนักเตะในสนามจากการที่หัวใจหยุดเต้นไว้ได้ นำส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล เรียกว่าเป็นสถานการณ์ “ฮิมต๋ายฮิมยัง” โดยแท้

นอกจากทีมช่วยชีวิตแล้ว สิ่งที่เราได้เห็นสด ๆ คือกำแพงมนุษย์โดยผู้เล่นเพื่อนร่วมทีม ก็เพื่อเป็นการรักษาความเป็นส่วนตัวในการปฏิบัติการกู้ชีพ ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นภาพที่ไม่น่าดู และไม่ควรมีใครที่ไม่เกี่ยวข้องควรได้เห็นภาพเหตุการณ์ในตอนนั้น

.

ไม่เพียงกำแพงมนุษย์ที่รายล้อม อิริกเซ่น ไว้ กล้องถ่ายทอดสดเองก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เห็นภาพในระยะใกล้ ถือเป็นจรรยาบรรณที่แสดงให้เห็นมาตรฐานในการเผยแพร่ภาพต่อสาธารณะ

ส่วนประเด็นที่สองก็เป็นเรื่องสไตล์ที่เปลี่ยนไปของ 2 ทีมดังในยุโรป ทีมแรกก็คือ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ที่ยังไงซะเราจะได้เห็นผู้เล่น 11 คนแรก มาจาก 2 สโมสรดังของประเทศ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นแกนหลัก

แต่สิ่งที่ “แกเร็ท เซาท์เกต” ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ส่งรายชื่อ 11 คนแรก ผู้เล่นจาก 2 สโมสรยักษ์ใหญ่กลับไม่ได้พาเหรดลงสนามกันอย่างที่คาดคิดกันไว้

.

ก็คงด้วยในฟอร์มการเล่นในปัจจุบันของนักเตะจากสโมสรอื่น โชว์ฟอร์มได้เข้าตามากกว่า เลยทำให้เราได้เห็นอังกฤษยุคใหม่ เก็บไปได้ 7 แต้ม จากการชนะ 2 และเสมอเพื่อนร่วมเกาะอังกฤษ 1 นัด เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม

แม้ว่านัดต่อไปพวกเขาจะต้องเจอของแข็งอย่างเจ้าพ่อทัวร์นาเม้นต์ทีมนึงของโลก “อินทรีย์เหล็ก” เยอรมัน แต่พวกเขาจะได้ลงเล่นในเวมบลีย์ ในบ้านของพวกเขาเอง

ส่วนอีกทีมที่เปลี่ยนไปอย่างผิดหูผิดตาก็คือ “อัซซูรี” ทีมชาติอิตาลี ภายใต้การกุมบังเหียนโดย “โรแบร์โต้ มันชินี่” ใครเลยจะคิดว่าทีมอย่างอิตาลี จะตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก และจะกลับมาฟื้นคืนชีพในทัวร์นาเม้นต์นี้

.

การเก็บ 9 แต้มเต็มด้วยการเอาชนะรวดได้ทั้ง 3 นัด ยิงไป 7 และไม่เสียแม้แต่ประตูเดียวในรอบแรก แปลกตาด้วยฟอร์มการเล่นที่แฟนบอลไม่เคยเห็นแบบนี้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ ในยุคของ “มันโช่” เขาคุมทีมไป 31 นัด ชนะไป 22 เสมอ 7 แพ้แค่ 2 นัด เสียไปแค่ 14 ลูก แต่ยิงไปถึง 76 ลูก เฉลี่ยเกมนึงมากกว่า 2 ประตู

ระบบการเล่น 4-3-3 โดยให้วิงแบ็คเติมเกมขึ้นมาช่วยสนับสนุนเกมรุกได้อย่างอิสระ แดนกลางที่สอดประสานการเล่นได้อย่างลงตัว เคาะบอลสั้น ชิ่งเร็ว ผู้เล่นแนวรุกที่จัดจ้าน พร้อมรับบอลจากการวางโดนกองหลังเข้าไปทำประตู แถมยังมีการเพรสซิ่งแดนบน ปิดโอกาสทำเกมรุกของคู่ต่อสู้

.

ทำให้ภาพจำจากการเป็นจอม “ตีหัวเข้าบ้าน” ยิงประตูคู่แข่งได้ ก็จะตั้งเกมรับรอคู่ต่อสู้บุกมาเอาคืน แทบไม่หลงเหลืออีกเลยในรายการนี้ ถือเป็นบอลสมัยใหม่โดยแท้ คนดูก็พลอยสนุกสนานไปกับเกม ไม่น่าเบื่อเหมือนแต่ก่อน

ตัดมาที่อีกรายการ โคปา อเมริกา 2021 ที่จริงก็คือรายการ โคปา อเมริกา 2020 ที่ถูกเลื่อนมาเช่นเดียวกับทางยุโรป และที่สำคัญ เดิมทีแล้วศึกลูกหนังชิงแชมป์ทวีปรายการนี้ มีโคลอมเบียกับอาร์เจนตินารับเป็นเจ้าภาพร่วมกัน แต่แล้วเมื่อจวนถึงวันแข่งขัน ทั้งสองประเทศก็ถูกริบสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพ

การแข่งขันอย่างเป็นทางการก็เลยมาจัดกันที่บราซิลแทน การแข่งขันรายการนี้ก็ยังคงมีมนต์เสน่ห์ของฟุตบอลละติน ที่เต็มไปด้วยเทคนิคของผู้เล่น และอีกสิ่งหนึ่งคือแท็กติคการเล่น

.

โดยเฉพาะเกมที่น่าสนใจเมื่อเช้าวัน พฤหัสบดี เมื่อเจ้าภาพจำเป็น บราซิล พบกับ โคลอมเบีย เกมนี้ถ้าดูแค่ชื่อ ส่วนใหญ่คงมองว่า บราซิล ไม่น่าจะเจองานยากอะไร แต่พอเล่นกันจริง ๆ ด้วยแท็คติกที่ โคลัมเบีย วางมาสู้กับทีมที่มีแต่นักเตะที่มีเทคนิคแพรวพราว ด้วยการวิ่งไล่เพรสซิ่งทั้งเกม จนบราซิลเองเกือบจะหมดมุกเข้าทำ

ยิ่ง โคลอมเบีย ได้ประตูนำก่อนจากการโต้กลับ ยิ่งทำให้เข้าทาง เกมรุกของ บราซิล แทบไม่เป็นชิ้นเป็นอัน จังหวะจบแทบจะนับได้เลย แม้การปรับหมากโดยการส่งผู้เล่นที่จ่ายบอลได้ดีมากขึ้น ก็ยังเจาะเกมรับของ โคลอมเบีย ไม่ได้

.

แต่แล้วก็เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ เนย์มาร์ จ่ายบอลไปโดนผู้ตัดสิน ก่อนที่บอลจะไหลมาเข้าทาง ลูคัส ปาเกต้า ซึ่งไหลออกทางกราบซ้ายให้ เรนาน โลดี เปิดบอลให้ โรแบร์โต ฟีร์มิโน โฉบเข้ามาโหม่งเข้าประตูไป

ทันทีที่ลูกเข้าไปตุงตาข่าย ผู้เล่นโคลอมเบียก็วิ่งกรูเข้าไปประท้วงผู้ตัดสิน ระหว่างที่ผู้ตัดสินกำลังปรึกษากับกรรมการนอกสนาม ก่อนที่สุดท้ายจะตัดสินใจเป่าให้เป็นประตูตีเสมอ 1 – 1

แน่นอนว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนอกเกมการแข่งขัน คือการหาคำตอบว่า ลูกโหม่งลูกนี้สมควรเป็นประตู หรือสมควรถูกริบกันแน่

.

ตามกติกาการแข่งขันที่ระบุไว้ใน Laws of the Game ฉบับล่าสุดประจำฤดูกาล 2020-21 พูดถึงกรณีดังกล่าวเอาไว้ในหมวด บอลที่ต้องหยุดเล่นและเล่นต่อ (The Ball In and Out of Play) หน้าที่ 90 ดังนี้

1. บอลหยุดเล่น บอลจะหยุดเล่นเมื่อ

– ลูกฟุตบอลทั้งลูกข้ามเส้นประตู หรือเส้นข้างสนาม ไม่ว่าจะบนพื้นหรือกลางอากาศ

– ผู้ตัดสินเป่าให้หยุดเกม

– ลูกบอลสัมผัสผู้ตัดสิน ยังอยู่ในสนาม และมีทีมใดทีมหนึ่งเริ่มต้นโอกาสในการรุก (a team starts a promising attack)

– บอลตรงเข้าประตู

– มีการเปลี่ยนการครอบครองบอล

กรณีทั้งหมดนี้ จะต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการดร็อปบอล

2. บอลเล่นต่อ

บอลจะเล่นต่อไปในจังหวะอื่น ๆ ทุกจังหวะที่โดนผู้ตัดสิน รวมถึงบอลโดนเสา โดนคาน หรือเสามุมธง และยังอยู่ในสนาม

จังหวะนี้จึงมองได้ทั้งสองมุม เมื่อผู้ตัดสินใช้ดุลยพินิจว่า การจ่ายบอลมาโดนตัวเขาแล้ว ไปเข้าทางผู้เล่นบราซิลแล้ว “เริ่มต้นโอกาสในการรุก” หรือไม่ ซึ่งเขาเห็นว่าไม่ใช่การเริ่มต้นการบุกจึง “ไม่เป่า” หยุดเกม จนนำมาซึ่งประตูตีเสมอ

.

แต่อีกมุมนึงค่อนข้างชัดเจนว่า บราซิล “มีการรุก” หลังจากที่บอลแฉลบโดนตัวผู้ตัดสิน เพราะในความหมายนั้น “โอกาสในการรุก” พิจารณาทั้งการที่จะพาหรือเลี้ยงบอลไปด้วยตัวเอง หรือการที่ส่งบอลไปในทิศทางที่เพื่อนร่วมทีมฝ่ายรุกมีโอกาสได้เล่น

ผู้เล่น โคลอมเบีย จึงกรูกันเข้ามาประท้วง จนนำมาซึ่งการทดเจ็บ 10 นาที จนพวกเขาต้องพ่ายแพ้ไปเมื่อโดนลูกโหม่งในนาทีสุดท้ายของช่วงทดเจ็บ

ถือเป็นการตัดสินที่ทำให้ โคลอมเบีย เสียเปรียบ ส่งให้ บราซิล ที่อยู่ในสถานการณ์ “ฮิมต๋ายฮิมยัง” กลับเข้ามาสู่เกมและคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด

ฮิมต๋ายฮิมยัง by TTDad

#ฮิมสนาม #ฮิมสนามตั้งวงเล่า #อีซูซุศาลาเชียงใหม่ #ChiangmaiFreshmilk #ดาวเรืองตราบ้าน #ทรายป่าห้า #ไทยลีก #ไทยลีก2 #ไทยลีก3 #thaileague  #ฟุตบอล #ข่าวฟุตบอล #ภาคเหนือ #ข่าวบอล #ข่าวบอลไทย #ข่าวฟุตบอลไทย  #ป้อก๊าแข้ง #ไทยลีก1 #euro2020 #copaamerica2021

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า