ฮิมต๋ายฮิมยัง : ข้นคลั่ก ไทย(ทุก)ลีก

สัปดาห์นี้ ขึ้นต้น ก็คงต้องแสดงความยินดีกับ ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สามารถคว้าแชมป์ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22 ได้เป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ “จ่อ” จะได้มา 3 นัดเข้าไปแล้ว แต่คู่แข่งในช่วงที่ผ่านมาก็มาพังฤกษ์ฉลองไปเสียได้

ในที่สุด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็คว้าแชมป์ไทยลีก 1 ไปครองได้ ถือเป็นแชมป์สมัยที่ 7 ของพวกเขา หลังจากบุกไปเอาชนะ หนองบัวพิชญ เอฟซี ได้ถึงถิ่น 3 – 0 จากผลงานของ สุภโชค สารชาติ ธีราทร บุญมาทัน และ อายุบ มาซิกา

มอบเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ให้แฟนบอล “ปราสาทสายฟ้า” ได้ฉลองแชมป์กันอย่างสุดเหวี่ยงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง พร้อมประโยค “กูได้แชมป์แล้วโว้ย”

จบเกมนัดนี้ บุรัมย์ ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็จะเป็น 2 ทีมตัวแทนจากประเทศไทย ที่จะได้ลงเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า

ส่วนโควตาอันดับ 3 ที่ตอนนี้เป็นของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เล่นไป 26 นัดมี 46 คะแนน ก็อยู่ในฐานะที่จะได้เล่นในถ้วยเอเชียเช่นกัน

แต่ถ้าหาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ ไปครองได้อีกถ้วย โควตาอีกทีมจะตกไปเป็นของทีมในอันดับ 4 ที่นอกเหนือจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แล้ว ยังมี ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด 44 คะแนน จาก 29 นัด ชลบุรี เอฟซี 43 คะแนน จาก 27 นัด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด 42 คะแนน จาก 26 นัด ที่มีโอกาสแย่ง 2 สิทธิ์นี้

ส่วนท้ายตารางเอง นอกจาก เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่ตกชั้นไปแล้ว สมุทรปราการ ซิตี้ เองก็อยู่ในสถานการณ์ “ฮิมต๋ายฮิมยัง” อย่างแท้จริงแล้ว เพราะ ช่องว่างที่อยู่ห่างจากโซนปลอดภัยคือ 8 คะแนน (นับที่ 27 เกมเท่ากัน) แต่เกมในมือที่เหลือคือ 3 เกม

ดังนั้นหากเมื่อใดก็ตามที่เขี้ยวสมุทรไม่อาจเก็บ 3 แต้มได้ พวกเขาจะตกชั้นอย่างเป็นทางการทันที ส่วนที่ยังคงมีลุ้นทีมสุดท้ายทั้ง สุพรรณบุรี เอฟซี โปลิศ เทโร พีที ประจวบ และ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

โปรแกรมในช่วง 3 – 4 นัดสุดท้าย ต้องมาลุ้นกันนัดต่อนัด เพราะด้วยความห่างของคะแนน หากทีมไหนพลาดสักนัด ก็มีสิทธิ์หล่นไปอยู่โซกตกชั้นได้เลยทันที

มาต่อกันที่ลีกพระรอง ไทยลีก 2 เกมในสัปดาห์ที่ผ่านมา การแย่งแชมป์ก็ยังคงเข้มข้น โดยเฉพาะ 2 ทีมหัวตารางต่างก็เก็บชัยชนะได้เหมือนกัน ด้วยสกอร์ที่เหมือนกันอีกด้วย

สุโขทัย เอฟซี รองจ่าฝูงได้ลงเล่นในเกมวันศุกร์ และก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้ก็คือเมื่อจบเกม สุโขทัย เอฟซี สามารถเก็บ 3 แต้มสำคัญ ถึงแม้ว่าจะเสียท่าให้ ระยอง เอฟซี ผู้มาเยือนออกนำไปก่อนก็ตาม

จบเกมนี้ “ค้างคาวไฟ” เลยขึ้นไปเป็น “จ่าฝูงชั่วคราว” พร้อมโยนความกดดันไปให้ ลำพูน วอริเออร์ ที่จะลงเล่นให้หลังอีก 1 วัน

แน่นอนว่า ลำพูน วอริเออร์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามเก็บ 3 คะแนนให้ได้ เพื่อแสดงตัวว่าเป็น “จ่าฝูงตัวจริง” และก็ไม่ทำให้กองเชียร์ “ราชันโคขาว” ผิดหวัง แม้จะออกอาการ “น้ำลายเหนียว” แต่ 3 แต้มก็ไม่หลุดมือไปไหน โอกาสเลื่อนชั้นอัตโนมัติอยู่แค่เอื้อม

ส่วน ตราด เอฟซี นัดล่าสุดเหมือนจะคืนฟอร์ม “อดีตจ่าฝูง” แต่แล้วการมาเจอ แพร่ ยูไนเต็ด เป็นอันต้องพลาดท่าให้กับ “ม้าคะนองศึก” ไปอีกทีมซ้ำรอยเช่นบรรดาทีมในหัวตาราง หลุดวงลุ้นแชมป์ไปแบบกราย ๆ

ตราด เอฟซี จึงมีสถานะเป็นทีมอันดับ 3 ที่มีช่องว่าจากทีมอันดับ 2 เป็น 3 คะแนนเข้าไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสจะกลับสู่สถานะเลื่อนชั้นอัตโนมัติ เพราะหาก สุโขทัย เอฟซี พลาดท่า 1 นัด แล้ว ตราด เอฟซี เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด จะมีแต้มเท่ากัน ตราด เอฟซี จะจบอันดับเหนือกว่าเพราะเฮดทูเฮดที่ดีกว่า

ในพื้นที่เพลย์ออฟ ลำปาง เอฟซี ยังคงรักษาอันดับที่ 4 ไว้ได้จากผลเสมอ ชัยนาท ฮอร์นบิล ทำให้อันดับฃยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึง เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด อันดับ 5 ที่พลาดท่าโดน สโมสรฟุตบอลราชประชา ตามตีเสมอ ทำให้เก็บได้เพียงแต้มเดียว แพร่ ยูไนเต็ด กระชับช่องว่างเข้ามาแล้วเหลือแค่ 2 คะแนนเท่านั้น

ทำให้อันดับสุดท้ายของทีมที่จะได้เพลย์ออฟ จึงเป็นอีกอันดับที่การแย่งชิงค่อนข้างน่าสนใจ การพลาดท่ากัน 1 นัดจึงมีโอกาสที่จะทำให้ช่องว่างหรืออันดับเปลี่ยนแปลงไปได้

ท้ายตาราง ขอนแก่น เอฟซี นัดล่าสุดพวกเขาเปิดบ้านแพ้ให้กับ อุดรธานี เอฟซี ทำให้ถึงตอนนี้ ช่องว่างของพวกเขาที่อยู่ห่างจากโซนปลอดภัยอยู่ที่ 9 คะแนน หมายความว่า หาก คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด เก็บได้อีกแค่แต้มเดียว ขอนแก่น เอฟซี จะตกชั้นอย่างเป็นทางการทันที

ทางเดียวที่พวกเขาจะอยู่รอดได้นั่นคือ ต้องให้ คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด แพ้ทุกนัดที่เหลือ โดยเฉพาะนัดสุดท้าย ขอนแก่น เอฟซี จะต้องออกไปเยือน คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด ที่เคยพลาดท่าแพ้มาแล้ว 0 – 2 คาบ้าน ในสกอร์ที่มากกว่า 3 ลูกขึ้นไปเท่านั้น

นี่ยังไม่รวมถึงราชประชาเองด้วยที่จะต้องไม่มีแต้มอีกเลยในนัดที่เหลือ ขอนแก่น เอฟซี ถึงจะอยู่รอด ถือเป็นงานที่หนัก รวมถึงต้องภาวนาให้คู่แข่งเก็บแต้มไม่ได้อีกด้วย

มาปิดท้ายที่ไทยลีก 3 ในรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก เกมสุดท้าย ก็เป็นอันว่าเราได้ 2 ทีมที่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีก 3 ฤดูกาลหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

อุทัยธานี เอฟซี จากกลุ่มตอนบน แต่กว่าจะได้เลื่อนชั้นก็ต้องลุ้นกันจบนกหวีดยาวหมดเวลากันทั้ง 3 สนาม

แม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะมาอย่างสบายเท้า แต่สิ่งที่พวกเขาอยากให้เกิดมากที่สุดคือ พิษณุโลก เอฟซี และ พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด ต้องชนะด้วย หรืออย่างน้อย พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด ชนะและ พิษณุโลก เอฟซี  ไม่ชนะ จึงจะเลื่อนชั้นในฐานะแชมป์กลุ่มตอนบน

อย่างที่ได้เขียนไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าการตัดสินทีมเลื่อนชั้นและทีมที่จะไปต่อเพื่อคว้าตั๋วใบสุดท้ายคงจะต้องตัดสินกันที่ผลงานแบบมินิลีก เพราะ 3 ทีมนี้มีโอกาสชนะค่อนข้างสูง

แล้วก็เป็น พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด ที่มีคะแนนเท่ากับอีก 2 ทีมที่ 12 คะแนน แต่อกหักไม่ได้ไปต่อ ซึ่งเหลือเชื่อมากที่คะแนนในระดับนี้แต่หมดสิทธิ์เลื่อนชั้น

กระบี่ เอฟซี กลายเป็นแชมป์กลุ่มตอนล่างในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาตามหลัง ม.นอร์ทกรุงเทพตั้งแต่ในครึ่งแรก แสดงให้เห็นว่าหากไม่ยอมถอดใจ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็จะตามมา

ส่วน นครศรี ยูไนเต็ด ที่ตลอด 90 นาทีที่กระบี่ พวกเขายังเป็นทีมที่ได้เลื่อนชั้นอัตโนมัติ แม้ว่า “ฮิมต๋ายฮิมยัง” จะอยู่จะไปถึงขนาดเสียจุดโทษให้กับเจ้าบ้าน แต่ยังถือว่าดวงแข็งที่ยังไม่ถูกแซงนำ

แต่ 2 ลูกในช่วงทดเจ็บที่กระบี่ ทำให้พวกเขาถูกลดสถานะกลายเป็นทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม ที่จะต้องไปชิงตั๋วใบสุดท้ายกับ พิษณุโลก เอฟซี ในการเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2 ฤดูกาลหน้า

ในที่สุดก็ได้ 4 ทีมที่ได้เล่นต่อในรอบชิงชนะเลิศ และรอบชิงอันดับที่ 3 ได้แก่ อุทัยธานี เอฟซี และ พิษณุโลก เอฟซี จากโซนภาคเหนือ กับ กระบี่ เอฟซี และ นครศรี ยูไนเต็ด จากโซนภาคใต้

ในฤดูกาลนี้ กลายเป็นศึกเหนือปะทะใต้ เมื่ออุทัยธานีจะเข้าไปชิงชนะเลิศกับกระบี่ ส่วนพิษณุโลกจะชิงอันดับที่ 3 กับนครศรี ยูไนเต็ด ซึ่งผู้ชนะในรอบชิงอันดับ 3 จะได้สิทธิ์ไปเล่นในไทยลีก 2 ตามอุทัยธานีและกระบี่ไป ตั๋วใบสุดท้ายจะเป็นของใคร ก็ต้องใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์ถึงจะได้รู้ เช่นเดียวกัน แชมป์เต็งหามของไทยลีก 3 อย่าง อุทัยธานี เอฟซี จะเข้าป้ายตามปากกาเซียนหรือไม่ “อินทรีย์อันดามัน” กระบี่ เอฟซี จะเป็นผู้ตอบคำถามนี้ครับ

เครดิตภาพ : FB Thai League | FB Thai League 2 M-150 Championship | Thai League 3 มังกรฟ้า ลีก

Warut